'เพื่อไทย' ดันนโยบาย 'NBZ' เขตเศรษฐกิจใหม่ ดึงลงทุนสร้างรายได้ประเทศ
เพื่อไทย ดันนโยบายลงทุนเขตพื้นที่เศรษฐกิจใหม่สร้างรายได้ประเทศ ชี้ต้องควบคู่ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน และสิทธิประโยชน์ พร้อมสร้างรายได้จากต่างประเทศ เร่งการเจรจาใช้ข้อได้เปรียบไทยเป็นประโยชน์ หนุนนโยบายเรียนรู้ตลอดชีวิต ฝึกทักษะผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมเวทีตอบคำถามจากภาคธุรกิจ พร้อมนำเสนอนโยบาย ในงานเสวนา “มุมมองของภาคธุรกิจต่อนโยบายขับเคลื่อนประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นโดยหอการค้าไทย โดยมีตัวแทนภาคธุรกิจ เอกชน ทั่วประเทศ และตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วม
น.พ.พรมมินทร์ กล่าวว่าแนวคิดของพรรคเพื่อไทยวันนี้คือ รัฐเป็นผู้ถือหุ้น20% ของภาคเอกชน ผู้ประกอบการเป็นผู้จัดหารายได้ รัฐจึงต้องเปลี่ยนบทบาทจากเป็นอุปสรรคมาเป็นผู้สนับสนุนภาคเอกชนเพื่อให้เอกชนนั้นสามารถทำธุรกิจได้ง่ายคล่องตัวโดยมีอุปสรรคจากกฎระเบียบต่างๆน้อยที่สุด
ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเสนอรูปแบบการสร้างรายได้จากทั้งในและนอกประเทศ โดยในประเทศจะส่งเสริมพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษใหม่ (New Business Zone) อย่างน้อย 4 แห่ง และมีการลงทุนเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานให้มีความพร้อมรองรับการลงทุน โดยโอกาสของการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศไทยนั้นมีอยู่ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมแพคเกจจิ้ง หรือในเรื่องของอุตสาหกรรมไฮเทค
นอกจากนั้นจะต้องเพิ่มรายได้ในทุกภาคส่วนเกษตรกร โดยพรรคตั้งเป้าเพิ่มรายได้ให้กับภาคเกษตรสาม ส่วนเท่าค่าแรงที่มีเป้าหมายในการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทใน 4 ปีนั้น พรรคจะทำงานร่วมกับภาคเอกชน ในรูปแบบคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อศึกษาข้อมูลรอบด้าน ซึ่งเป็นแนวทางที่จะต้องเติบโตไปทุกภาคส่วนไปด้วยกัน
ส่วนการดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย มองว่าจะต้องเร่งรัดการเจรจากับต่างประเทศ โดยไทยเราจะต้องสร้างบทบาทระหว่างประเทศให้มากขึ้นทั้งกรอบการเจรจาที่เป็น FTA หรือกรอบการเจรจาแบบอื่นๆ ส่วนการส่งเสริมเอสเอ็มอีก็ต้องมีช่องทางในการระดมทุนจากคลาวฟันด์ดิ้ง ที่ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งจะช่วยให้เอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินได้มากขึ้น
สำหรับคำถามในเรื่องของการส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาของไทยเป็นอย่างไรและการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้นั้นพรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญกับนโยบายการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยจะเอาแพลตฟอร์มต่างๆของดิจิทัลเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มทักษะ และช่วยเพิ่มรายได้ให้แรงงาน โดยจะต้องทำหลักสูตรออนไลน์เพิ่มขึ้นซึ่งมีมากถึง 50,000 คอร์สที่สามารถเข้าไปเรียนได้ ซึ่งได้ทำร่วมกับ Link In.
เมื่อผู้เรียนเข้าไปเรียนแล้วก็จะถือว่ามีเครดิตที่เก็บไว้สามารถนำความรู้และทักษะที่มีไปหารายได้ ซึ่งเป็นเรื่องเดียวกับที่สิงคโปร์ก็ทำมาก่อนก็คือเรื่องของ skills future ที่สามารถเพิ่มความสามารถและทักษะแรงงานของเราได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ถือว่าส่งเสริมเรื่องการเรียนรู้ตลอดชีวิต