แนวคิดว่าที่ ‘รมว.คลัง’ เพื่อไทย – ก้าวไกล ประชันวิสัยทัศน์ ‘นโยบายเศรษฐกิจ’
ผ่าแนวคิด 2 ว่าที่ รมว.คลังจากก้าวไกล - เพื่อไทย "ศิริกัญญา" - "ศุภวุฒิ" ฉายภาพหารายได้เข้าประเทศ ดูแลเศรษฐกิจในประเทศ ศุภวุฒิระบุรัฐบาลต้องเตรียมรับมือเศรษฐกิจถดถอย กระทบส่งออก ส่วนศิริกัญญา เล็งขยับภาษีผู้มีรายได้สูงจัดสวัสดิการถ้วนหน้าในประเทศ
โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งก่อนจะทราบผลอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 14 พ.ค. ที่เป็นวันเลือกตั้งทั่วประเทศ พรรคการเมืองที่มีคะแนนนิยมนำเริ่มเปิดเผยถึงแนวทาง นโยบายการทำงานในช่วงแรกที่จะเข้ามาบริหารประเทศในฐานะรัฐบาล
นอกจากนั้นยังเริ่มมีการเปิดเผยชื่อของบุคคลที่จะมานั่งในตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหาร เช่น คนที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขับเคลื่อน “นโยบายการคลัง” ให้ตอบโจทย์กับนโยบายที่พรรคได้หาเสียงไว้ โดยขณะนี้บุคคลที่เป็นตัวเต็งจะมานั่งในเก้าอี้ “ขุนคลัง”มี 2 คน คือ ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล
ในเวทีดีเบต นโยบายเศรษฐกิจพรรคการเมืองจัดโดยม.หอการค้าฯ และสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่าที่ รมว.คลังทั้งสองคนได้แสดงวิสัยทัศน์ และตอบคำถามด้านเศรษฐกิจไว้ได้อย่างน่าสนใจ ดังนี้
ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัจจุบันโครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกสินค้าและบริการ คิดเป็นสัดส่วน 58% ของจีดีพี ถือว่ารายได้ในส่วนนี้มาจากการซื้อของต่างประเทศ (ทั้งโลกสัดส่วนการส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ 29%) เมื่อเราพึ่งพารายได้จากต่างประเทศมากเราต้องมีการจัดการในการหารายได้จากส่วนนั้น โดยการส่งออกสินค้าบางชนิดเพิ่มขึ้น รู้จักตลาดดีขึ้นเราจะส่งออกสินค้าได้มากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรอย่างทุเรียน และสินค้าด้านซอฟต์พาวเวอร์มากขึ้นต้องส่งออกไปข้างนอกเพื่อตีตลาดโลกเช่นกัน
“หนี้สาธารณะของประเทศไทยนั้นมีแต่จะเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นทุกปีในแง่มูลค่า การเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัวจะช่วยให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทยลดลง”
ส่วนภาระค่าครองชีพประชาชนบอกว่าตอนนี้ราคาค่าไฟฟ้าของเราสูงมาก เพราะเหตุผลหลักคือเราต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่ราคาแพงเข้ามาเพื่อผลิตไฟฟ้า สะท้อนว่าเราพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้ามากเกินไป
วันนี้ประชาชนต้องการให้รัฐบาลเข้ามาดูแลปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ถามว่าตอนนี้มีปัญหาหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ามีอยู่เศรษฐกิจของโลกนั้นยังไม่ปกติ สหรัฐฯยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ถ้าเศรษฐกิจของเขาชะลอลงไปเข้าสู่ภาวะถดถอย การส่งออกของเราก็จะเผชิญปัญหา
โดยตอนนี้การส่งออกของเราติดลบมาแล้ว 2 ไตรมาส จึงมีความจำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศด้วยส่วนหนึ่ง
นอกจากนั้นต้องแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการที่ต้องเข้าถึง “ทุน” ไม่ใช่เข้าถึงได้เพียงสินเชื่อ เราต้องตั้งกองทุนส่วนนี้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล กล่าวว่านโยบายที่ประชาชนให้ความสำคัญเร่งด่วนคือการเพิ่มรายได้ การลดค่าใช้จ่าย และเรื่องของความมั่นคง นโยบายในการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้กับประชาชนโดยการเพิ่มเป็น 450 บาทต่อวันถือว่ามีความเหมาะสมและทำได้ทันที
หัวใจคือการขึ้นอัตโนมัติทุกปีโดยดูจากค่าครองชีพ และการเติบโตของเศรษฐกิจซึ่งถือว่าเป็นการขยับราคาค่าจ้างที่เหมาะสมเมื่อคิดจากช่วงที่ผ่านมาที่มีการปรับน้อยมาการลดค่าใช้จ่ายในตอนนี้ ต้องทำในเรื่องของค่าไฟ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากโครงสร้างราคา โดยทำโครงสร้างให้เป็นธรรม ซึ่งหากเราสามารถเอาราคาก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมาเป็นหลักในการกำหนดราคาต้นทุนเชื้อเพลิง เชื่อว่าค่าไฟฟ้าจะสามารถลดลงได้ทันที 70 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ประชาชนสามารถแบ่งเบาภาระค่าครองชีพลงได้
ส่วนในเรื่องของความมั่นคง พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นในนโยบายรัฐสวัสดิการ โดยการจัดสวัสดิการให้กับคนไทยตั้งแต่ลืมตาเกิดจนตาย เช่น เงินเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แลกเกิด เงินบำนาญผู้สูงอายุเดือนละ 3,000 บาท ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งบประมาณมากปีละ 6.5 แสนล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงแต่พรรคก้าวไกลมีแผนที่จะปรับปรุงงบประมาณโดยการตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การจัดซื้อจัดจ้างให้โปร่งใส ปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีเพื่อจัดเก็บภาษีให้ตรงกับเป้าหมาย
“ถ้าเราต้องการรัฐสวัสดิการ เราก็ต้องขอให้คนที่มั่งมีมาร่วมเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขกับเรา ทุกวันนี้เศรษฐีในประเทศรักการบริจาคอยู่แล้ว แต่อาจไม่ยินดีที่จะจ่ายภาษี เพราะไม่รู้ว่าภาษีจะถูกเอาไปใช้ทำอะไร คุ้มค่าหรือไม่ โดยพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าภาษีที่จะเก็บเพิ่มจากที่ดินรวมแปลง หรือภาษีความมั่งคั่งจะถูกใช้อย่างมีประโยชน์ อย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิดโอกาสอย่างเท่าเทียมไม่ว่าคุณจะเกิดจากครอบครัวไหนในประเทศนี้”