'ชัชชาติ' ชง 'สภา กทม.'เดือนหน้า เคาะจ่ายหนี้ 'บีทีเอส' ก้อนแรก 2 หมื่นล้าน
"ชัชชาติ" เตรียมชงสภา กทม.ต้นเดือน ก.ค.นี้ เคาะจ่ายหนี้ 2 หมื่นล้านบาท งานติดตั้งระบบ "รถไฟฟ้าสายสีเขียว" ชี้ที่ผ่านมาเอกชนลงทุน เล็งเห็นถึงความเดือดร้อน ส่วนข้อเสนอสัมปทานแลกหนี้ โยนรัฐบาลตัดสินคำสั่ง ม.44 ขณะที่ "คีรี" รับเจรจาชื่นมื่น มั่นใจสัญญาจ้างถูกกฎหมาย
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) เปิดเผยภายหลังหารือแนวทางแก้ไขปัญหาภาระหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ร่วมกับ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS โดยระบุว่า วันนี้บีทีเอสได้มาหารือเรื่องกรณีค่าจ้างการติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 ที่ครบกำหนดชำระ ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
โดยที่ผ่านมา กทม.ได้เตรียมการเรื่องนี้มาตลอด และต้องชี้แจงว่ากระบวนการในการดำเนินการตรงนี้มีอยู่ 2 ขั้นตอนที่ต้องไปดำเนินการต่อ คือ
1. เรื่องที่กรุงเทพธนาคม (เคที) ไปจ้างบีทีเอสเดินรถ ซึ่งขณะนั้น กทม. มอบหมายให้เคทีเป็นผู้ดำเนินการ ขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการได้คือ ต้องให้สภา กทม. อนุมัติก่อน
2. หากจะชำระเงินก็ต้องเอาเงินที่เป็นสะสมจ่ายขาด ซึ่งในสภา กทม. ก็ต้องพิจารณาเหมือนกันทั้ง 2 เรื่องนี้คือเรื่องที่ต้องเอาเข้าสภา กทม.
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาคณะกรรมการวิสามัญได้พิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีรายละเอียดเยอะ คณะกรรมการวิสามัญก็ได้ศึกษาเรื่องนี้มีการประชุมแล้ว 5 ครั้ง คาดว่าเปิดการประชุมสภา กทม. สมัยหน้า ก็สามารถนำเรื่องหนี้ E&M รถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ครบกำหนดชำระเข้าสู่การพิจารณาของสภา กทม.ได้ว่าจะดำเนินการต่ออย่างไร ส่วนเรื่องการชำระเงินดังกล่าว จะปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาอย่างไรให้มันถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ด้วยความรอบคอบ
ทั้งนี้ กทม. จะดำเนินการพร้อมกันใน 2 ทาง
1. เอาเรื่องเข้าสภากทม. เกี่ยวกับการชำระหนี้คาดว่าสมัยการประชุมนี้น่าจะพร้อม เนื่องจากศึกษากันมาพอสมควร
2. ติดตามเร่งรัดทางรัฐบาลในหลายประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งที่ผ่านมา กทม.ได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทยใน หลายประเด็น ได้แก่
เรื่องที่ 1 อยากให้การสนับสนุนจากรัฐบาลสําหรับโครงสร้างพื้นฐานกับค่าติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ (E&M) เนื่องจากเมื่อครั้งที่ ม.44 มอบหมายให้กรุงเทพมหานครเป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ได้ให้ค่าใช้จ่ายมาด้วย
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องที่ค้างอยู่ตาม ม. 44 เกี่ยวกับมูลหนี้ที่จะพิจารณาในเงื่อนไขให้สัญญาสัมปทานใหม่ ซึ่งตอนนี้เรื่องยังค้างอยู่ใน ครม. ยังไม่มีข้อยุติ คงต้องสอบถามและเร่งรัดทาง ครม. ด้วยว่าจะพิจารณาอย่างไร
“เราก็เห็นใจทางเอกชนเพราะมีภาระหนี้ที่เยอะ บีทีเอสก็เป็นตัวสำคัญที่ช่วยบรรเทาเรื่องการเดินทาง แต่ว่าเป็นระเบียบปฏิบัติซึ่งทั้งฝ่ายบริหารกับทาง สภา กทม. ก็เข้ามาหลังจากที่มีการดำเนินการไปแล้วนั้น ทำอย่างไรให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามในกรอบระเบียบที่กำหนด” นายชัชชาติ กล่าว
ด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า จากการเจรจาครั้งนี้ทำให้บีทีเอสและ กทม.เข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งเชื่อว่า ผู้ว่าฯ กทม. จะพยายามแก้ไขปัญหา นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสภา กทม.เพื่อจะผลักดันเรื่องให้มีการใช้จ่าย และบีทีเอสมั่นใจว่าจะได้รับเงินก้อนใหญ่ 2 หมื่นล้านบาท จากการจ้าง E&M ซึ่งจะทำให้บีทีเอสสามารถนำเงินไปให้บริการผู้โดยสารได้ต่อเนื่อง
ส่วนปัญหาหนี้จากงาน O&M หรือค่าเดินรถและซ่อมบำรุงประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันยังอยู่ในกระบวนการศาลปกครองพิจารณา และเรื่องนี้อยู่ในคำสั่งเดิมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ตามมาตรา 44 ซึ่งตนยอมรับว่า ขณะนี้ไม่ทราบว่าทาง ครม.รักษาการณ์นี้จะทำอะไรได้บ้าง เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ได้ผ่านในชุดรัฐบาลที่แล้วแม้จะมีการนำเรื่องเข้าออกการประชุม ครม.ประมาณ 3-4 เที่ยว
“ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลที่ผ่านมาอาจจะไม่เข้าใจดีถึงปัญหา แต่หากรัฐบาลรักษาการณ์จะทำให้เรื่องนี้จบได้ ถ้าทำได้ก็อยากให้ทำ เพราะเป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับบริษัทอีกประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาทที่ยังคงค้างอยู่” นายคีรี กล่าว