'โออาร์' ไม่หวั่นธุรกิจโดนดิสรัปชัน ชูปั๊มน้ำมันสีเขียว รับเทรนด์ลูกค้า
"โออาร์" ทรานฟอร์มสู่ 4 พันธกิจหลัก สร้างรายได้ธุรกิจใหม่ ย้ำไม่หวั่นแม้ธุรกิจน้ำมันโดนดิสรัปชัน ลั่น อีก 2 เดือน พร้อม "เปิดปั๊มน้ำมันสีเขียว" พร้อมสินค้า "เฮลท์ แอนด์ เวลเนส" รับไลฟ์สไตล์ เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR กล่าวในเวทีสัมมนา Investment Forum : New Chapter, New Opportunity หัวข้อ "ล้วงลึก หุ้นมหาชน แผนธุรกิจรับบริบทใหม่ประเทศไทย" จัดโดย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า กลยุทธ์ทิศทางธุรกิจของโออาร์ตามวิสัยทัศน์โออาร์ “Empowering All toward Inclusive Growth” หรือ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” ต้องการเติมเต็มทุกโอกาสของทุกคน
อย่างไรก็ตาม โออาร์มี 4 พันธกิจหลัก คือ 1. Mobility 2.Lifesyle 3. Global และ 4. Innovation ซึ่งจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจพลังงานแบบผสมผสานเพื่อการเคลื่อนที่อย่างไร้รอยต่อ สอดรับแนวโน้มการใช้พลังงานในอนาคตนำออนไลน์ และออฟไลน์มาผลักดันโออาร์ ก้าวสู่ดิจิทัลแฟลตฟอร์ม
ทั้งนี้ โออาร์ ถือว่าได้รับเกียรติจากกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี นักลงทุนมาด้วยดี โดยธุรกิจของโออาร์ได้รับมอบหมายให้ทำธุรกิจรีเทล กระจายรายได้ผู้ลงทุนรายย่อย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของโอกาส จากการผนึกกำลังของธุรกิจทั้งภายใน และภายนอกกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่ง โออาร์ มีธุรกิจมากมายนอกจากจะทำงานร่วมกับกลุ่ม ปตท. และพาร์ทเนอร์แล้ว โออาร์ยังมีอีโคซิสเต็ม ทำให้มีเสน่ห์
และการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนผ่าน SDG ประกอบด้วย 1. S:SMALL โอกาสเพื่อคนตัวเล็กผ่านการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนตามเป้าหมาย 1.5 หมื่นชุมชน
2. D:DIVERSIFIED โอกาสเพื่อการเติบโตทุกรูปแบบ ผ่านศักยภาพของ OR ที่จะเป็น Platform ในการกระจายโอกาสทางธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุม พร้อมเติบโตไปด้วยกัน สามารถกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนกว่า 1 ล้านราย และ 3. G:GREEN โอกาสเพื่อสังคมสะอาดผ่านการส่งเสริม ธุรกิจทุกประเภทของ OR ให้เป็นธุรกิจสีเขียว เพื่อสนับสนุนให้เกิดสังคมคาร์บอนต่ำ อย่างยั่งยืน
"ทิศทางของโออาร์ระยะสั้น ต้องส่งเสริมผู้ที่อาจไม่เข้าถึงตลาดได้ คือคนตัวเล็ก เราให้โอกาสทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายอาหาร เราได้ลงพื้นที่พูดคุยกับชาวเขาที่ทำไร่เลื่อนลอยแล้วเกิดการเผาป่าสร้างมลภาวะไม่ดีต่อโลก เปลี่ยนเป็นการปลูกผัก ผลไม้ซึ่งโออาร์จะรับพืชต่าง ๆ มากระจายสู่ตลาด และอีก 2 เดือนจะลงพื้นที่มอบตู้เก็บความเย็นไปให้ เป็นต้น จะช่วยลดมลพิษได้อีกทาง"
สำหรับการดำเนินธุรกิจโลคาร์บอน โออาร์เตรียมเปิดสถานีบริการน้ำมันสีเขียวที่วิภาวดี 62 ในอีก 2 เดือน ใหญ่สุดในไทย โดยนำเอาพลังงานสะอาดจากบริษัทในเครือปตท.มาใช้ อีกทั้ง ผลิตภัณฑ์ทั้งแก้ว ขวดน้ำ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรีไซเคิลขึ้นรูปใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ลูกค้า 60% เข้ามาในสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น เน้นทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ได้แค่เติมน้ำมันอย่างเดียว เมื่อมีข้อมูลลูกค้าโออาร์ได้มองเห็นบริการเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจบริการน้ำมันได้ถูกดิสรัปซึ่งอีก 5-10 ปี การใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) จะเข้ามามากขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้น โออาร์ได้ทรานฟอร์มธุรกิจ และตั้งเป้า EBITDA 70% จะมาจากธุรกิจไลฟ์สไตล์ โดยโออาร์มีเป้าหมายติดตั้งหัวชาร์จ 1 หมื่นหัวทั่วประเทศในไทย เพราะสถานีอีวีของโออาร์สามารถเข้าถึงง่ายสุด ไม่ซ้ำซ้อน อีกทั้ง อนาคตจะมีผลิตภัณฑ์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นเฮลท์ แอนด์ เวลเนส มากขึ้น โดยจะเปิดตัวเร็วนี้ นอกจากนี้ จากการที่กลุ่ม ปตท.มีบริษัทและธุรกิจในเครือจำนวนมาก จึงมีแผนจะทำแอปพลิเคชันใช้ร่วมกันอาจเรียกว่า ซูเปอร์แอป ซึ่งโออาร์เองมีสมาชิก บลูการ์ด 8 ล้านราย จะนำข้อมูลนี้มาใช้ประโยชน์ ร่วมกันโดยนำเอาผลิตภัณฑ์กลุ่ม ปตท.มาขายโดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่สุดท้ายต้องดูแลสังคม และชุมชน
"จากการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ราคาน้ำมันดิบดูไบมีความผันผวน ปีที่แล้วอยู่ที่ระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปีนี้ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ดังนั้น ในอนาคตเราจะดูตัวเลขแบบก้าวกระโดด โดยตั้ง EBITDA เพิ่มขึ้น 70-90% เพราะจะไม่อยู่ในธุรกิจเดิมๆ เรามี Value Chain ยาว แต่ถูกจำกัดการเติบโตในไทย จึงมองว่าจะต้องขยายธุรกิจไปต่างประเทศ อาทิ แคมโบเดีย ซึ่งเราจะเอาผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายในสถานีบริการของเราเกือบ 200 สถานี เพราะอีก 2 ปี จะมีการเติบโตมาก"
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์