'รถไฟฟ้าสายสีเหลือง' ทำนิวไฮผู้โดยสาร 6.5 หมื่นคน หลังเปิดครบ 23 สถานี

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันนี้ (20 มิ.ย.) ตนได้นำรายงานการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ค่ารถไฟฟ้าสายสีเหลือง) ช่วงลาดพร้าว – สำโรง ซึ่งมีวิธีการคำนวณคิดค่าโดยสารส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว โดยตามขั้นตอนหลังจากนี้ทราบว่าจะต้องส่งเรื่องดังกล่าวไปสำนักคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังความเห็นก่อนนำกลับมาบรรจุวาระเพื่อพิจารณาในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะทันต่อกำหนดจัดเก็บค่าโดยสาร รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ในวันที่ 3 ก.ค.นี้

ด้านนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า จากการเปิดให้ประชาชนทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองครบ 23 สถานีเป็นวันแรกวานนี้ (19 มิ.ย.) เริ่มตั้งแต่สถานีลาดพร้าว - สำโรง พบว่ามีประชาชนตอบรับใช้บริการจำนวนมาก เป็นสถิติใหม่ (new high) ด้วยจำนวน 65,511 คน-เที่ยว เพิ่มขึ้นจากวันที่ 18 มิ.ย.ที่มีจำนวน 44,419 คน-เที่ยว และคาดว่าจะมีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง

ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารรวม 17 วัน (ตั้งแต่ 3 มิ.ย. 2566 วันแรกของการเปิดทดลองใช้บริการถึง 19 มิ.ย. 2566) มีประชาชนที่มาทดลองใช้บริการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองรวมทั้งสิ้นจำนวน 678,231 คน-เที่ยว ซึ่งถือว่าเป็นการตอบรับที่ดีมาก และจากการเปิดทดลองพบว่าการดำเนินการส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้พบเพียงปัญหาในช่วงรอยต่อสถานีลาดพร้าว ระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่ประชาชนต้องต่อคิวเข้าลิฟต์ในจุดเชื่อมต่อจำนวนมาก โดยยังไม่นิยมใช้ทางเดินเชื่อมลอยฟ้า (sky walk)

“จากการตรวจเช็คข้อมูลจากผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ยังไม่พบข้อร้องเรียนเรื่องบริการ พบเพียงข้อเสนอแนะจากประชาชนที่อยากให้เพิ่มกิมมิคเชิญชวนผู้โดยสารเลือกใช้สกายวอล์ค เดินเชื่อมระหว่างโครงการรถไฟฟ้าทั้งสองสาย เพราะตอนนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่นิยมใช้ลิฟต์ที่เชื่อมเข้าอาคารจอดและจร ทำให้มีคิวรอเข้าลิฟต์จำนวนมาก ซึ่งวันพรุ่งนี้ (21 มิ.ย.) กรมฯ จะลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหานี้”

รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า การจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเหลือง นั้น คำนวณราคาจากดัชนี CPI ล่วงหน้า 3 เดือนก่อนเปิดให้บริการ โดยเบื้องต้นกำหนดอัตราราคาจัดเก็บเริ่มต้นที่ 15 – 45 บาท โดยสามารถชำระค่าโดยสารได้ 3 รูปแบบชำระค่าโดยสาร แบ่งเป็น

1. บัตร EMV

• ผู้โดยสารสามารถนำบัตรที่มีสัญลักษณ์ EMV แตะจ่ายค่าโดยสาร และใช้เชื่อมต่อการเดินทางไปยังระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว โดยไม่เสียค่าแรกเข้าซ้ำซ้อนในจำนวน 15 บาท มีข้อจำกัดต้องเปลี่ยนผ่านระบบรถไฟฟ้าภายในระยะเวลา 30 นาที ซึ่งช่วงแรกผู้โดยสารสามารถชำระผ่านบัตร EMV ได้ที่ช่องทางพิเศษ ติดกับห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ส่วนในอนาคตจะมีการพัฒนาระบบหัวอ่านให้สามารถแตะจ่าย EMV ในทุกช่องทางเข้าออกระบบรถไฟฟ้า

2. บัตรแรบบิท

• ผู้โดยสารสามารถแตะจ่ายค่าโดยสารด้วยบัตรแรบบิทที่ออกโดย BTS ซึ่งหลังจากนี้จะมีการจัดทำโปรโมชันเพื่อใช้ในการเดินทางเชื่อมต่อระบบรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสายสีเขียวด้วย

3. บัตรโดยสารเที่ยวเดียว

• ผู้โดยสารสามารถออกบัตรโดยสารดังกล่าว ณ ตู้จำหน่ายบัตรโดยสาร และห้องจำหน่ายบัตรโดยสาร ซึ่งจะมีอัตราค่าโดยสาร 15 – 45 บาท

 

ทั้งนี้ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ประเมินว่าหากเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองในปีแรกนี้ คาดว่าจะมีผู้โดยสารสูงสุด 2 แสนคนต่อวันในช่วงประมาณปลายปี ซึ่งค่าโดยสารเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30 บาทต่อคน

ดังนั้นจึงคาดการณ์ว่าปีนี้ EBM จะมีรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองอยู่ที่ราว 1 พันล้านบาท