พาณิชย์ เปิดพันธุ์ข้าวใหม่ ตอบสนองความต้องการตลาดโลก

พาณิชย์ เปิดพันธุ์ข้าวใหม่ ตอบสนองความต้องการตลาดโลก

“จุรินทร์”มอบรางวัลประกวดพันธุ์ข้าวปี 66 ลุยผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ แค่ 3 ปี ได้ 21 พันธุ์ เดินหน้าพาไทยกลับมาครองที่ 2 ตลาดข้าวโลก มั่นใจ ไทยส่งออกข้าวปี 66 ทะลุ 8 ล้านตัน ด้านสมาคมผู้ส่งออกข้าว เผย บาทอ่อนค่า ครึ่งปีหลังเวียดนามส่งออกข้าวน้อย ส่งผลให้ไทยส่งออกข้าวได้มากขึ้น

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการมอบรางวัลชนะเลิศการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ว่า ยุทธศาสตร์ข้าวไทยตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2567 มีเป้าหมายที่สำคัญ ที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตการตลาดของข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวคุณภาพของโลก การจะประสบความสำเร็จจำเป็นต้องใช้ยุทธศาสตร์”ตลาดนำการผลิต” เน้นการพัฒนาตลาดในประเทศต่างประเทศ ใช้การผลิตรวมถึงการแปรรูป และนำนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชย์ และต้องผลิตพันธุ์ข้าวที่มีความหลากหลายสนองความต้องการของตลาดโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยให้มากขึ้น

 จากการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชน ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีจุดอ่อนในการขาดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายในตลาดข้าวโลก ขณะที่คู่แข่งมีผลิตภัณฑ์มากกว่า ประเทศไทยจึงจำเป็นต้องเร่งปิดจุดอ่อนให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด ด้วยการเร่งเพิ่มผลิตภัณฑ์ข้าวชนิดใหม่ เพื่อแข่งขันในตลาดข้าวโลกได้  โดยเป้าหมายตามยุทธศาสตร์ข้าว 5 ปี จะต้องมีการพัฒนาสายพันธุ์ข้าวรวม 12 สายพันธุ์ เป็นข้าวพื้นแข็ง 4 สายพันธุ์ พื้นนุ่ม 4 สายพันธุ์ ข้าวหอม 2 สายพันธุ์ และข้าวโภชนาการสูง 2 สายพันธุ์ แต่ 3 ปีแรกของยุทธศาสตร์ข้าวไทย ภายใต้ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน สามารถปรับปรุงสายพันธุ์ข้าวได้มากเกินกว่าเป้าหมายและรับรองพันธุ์ข้าวภายใต้ยุทธศาสตร์แล้วเวลานี้จำนวน 21 สายพันธุ์

พาณิชย์ เปิดพันธุ์ข้าวใหม่ ตอบสนองความต้องการตลาดโลก

 โดยในช่วงที่เหลืออีก 2 ปี สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยังคงจัดประกวดพันธุ์ข้าวใหม่อย่างต่อเนื่องคาดว่าน่าจะได้ข้าวพันธุ์ใหม่ประมาณ 30  สายพันธุ์ ซึ่งในวันนี้ได้มีการมอบรางวัลการประกวดพันธุ์ข้าวเพื่อการพาณิชย์ 3 สายพันธุ์ โดยหลังจากนี้ขอให้กรมการข้าวเร่งรับรองสายพันธุ์ เพื่อสามารถลงแปลงปลูกให้กับเกษตรกรนำผลผลิตให้ผู้ส่งออกสามารถทำตลาดในต่างประเทศได้ต่อไป

“การส่งออกข้าวหลังจากนี้จะดีขึ้นตามลำดับเพราะจะมีผลิตภัณฑ์ที่ไปนำเสนอขายได้อย่างหลากหลายมากขึ้น ซึ่งปีก่อนส่งออกได้ 7.7 ล้านตัน ปีนี้คาดว่าจะทะลุ 8 ล้านตันแน่นอน เพราะการมีความหลากหลายของสายพันธุ์ข้าวจะยิ่งทำให้ตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเอื้อต่อการส่งออกและทำให้ประเทศไทยในปีนี้สามารถกลับมาเป็นลำดับที่ 2 ของตลาดส่งออกข้าวโลกได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลใหม่ต้องเดินหน้ายุทธศาสตร์ข้าวอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พันธุ์ข้าวมีความหลากหลาย”นายจุรินทร์ กล่าว

สำหรับในปีนี้มีพันธุ์ข้าวที่ชนะการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ได้แก่ 1. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวหอมไทย ได้แก่ ข้าวพันธุ์ 65RJ-06 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา) 2. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นนุ่ม ได้แก่  ข้าวพันธุ์ 65RJ-08 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา) 3. รางวัลชนะเลิศ ประเภทข้าวขาวพื้นแข็ง ได้แก่  ข้าวพันธุ์ 65RJ-13 โดย บริษัทรวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด (มูลนิธิรวมใจพัฒนา)

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า   การส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีหลัง  คาดว่า จะเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า จากความต้องการตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น  และราคาข้าวไทย แข่งขันได้  เนื่องจากราคาต่ำกว่าเวียดนาม  โดยแม้ว่าจะมีผลกระทบจากเอลนีโญ่ แต่ไทย ยังมีความสามารถในการส่งออกข้าวได้เพิ่ม เนื่องจากผลผลิตยังมีเพียงพอ  โดย 6 เดือนแรก ไทยส่งออกไปแล้ว 4 ล้านตัน เพิ่ม ขึ้น 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีทีผ่านมา โดยช่วงที่เหลือ คาดว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 4 ล้านตัน   เนื่องจาก คาดว่าครึ่งปีหลัง เวียดนามจะส่งออกข้าวได้ลดลง จากการที่ส่งออกมากเกินไปแล้วช่วงครึ่งปีแรก 4 ล้านตัน ซึ่งโดยปกติเวียดนามจะมีศักยภาพส่งออกข้าว ทั้งปีได้ประมาณ 7 ล้านตัน  และ จะทำให้ไทยมีโอกาสส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น

สำหรับผลกระทบเอนีโญ่ในช่วง กค. -สค.ว่าจะมีฝนทิ้งช่วงมากน้อยแค่ไหน แต่เบื้องต้นประเมินว่า จะมีผลผลิตข้าวในปีนี้ใกล้เคียงกับปีก่อน จำนวน 20 ล้านตันข้าวสาร ในส่วนของราคาข้าวในช่วงครึ่งปีมีแนวโน้มอาจจะปรับตัวสูงขึ้นบ้าง แต่จะมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเอลนีโญ่  ทั้งนี้ในเดือนหน้าทางสมาคมฯ จะจับมือร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศเดินสายพบปะประเทศผู้นำเข้า  เช่นประเทศฟิลิปปินส์ ที่ยังมีความต้องการนำเข้าเพิ่มขึ้น