ปิดฉาก ลดภาษีฯดีเซล ลิตรละ 5 บาท 'ครม.' ประกาศชัดไม่ต่ออายุแล้ว
เป็นทางการ รัฐบาลประกาศไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร (ลดภาษีฯดีเซล) หลังต่ออายุมา 7 รอบ ชี้รัฐบาลรักษาการไม่ควรใช้มาตรการนี้ต่อ ส่งผลมาตรการหมดอายุ 20 ก.ค. ให้อำนาจกระทรวงพลังงาน ใช้กองทุนน้ำมันฯอุ้มแทนตามความเหมาะสม
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (11 ก.ค.) รับทราบแนวทางการดำเนินมาตรการลดภาษีสรรพสามิตเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันดีเซล โดยตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 เป็นต้นไป รัฐบาลจะไม่ต่ออายุการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล (ลดภาษีฯดีเซล) 5 บาทต่อลิตรแล้ว
ทั้งนี้จากการรายงานข้อมูลพบว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่าน ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันดีเซลที่ทะยานสูงขึ้น ทำให้รัฐบาลได้ออกมาตรการมาดูแลเพื่อให้ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศราคาไม่สูงเกิน 35 บาทต่อลิตร ผ่านมาตรการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร และใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศไทยราคาต่ำกว่าหลายประเทศ
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย โดยเฉพาะการเป็นรัฐบาลรักษาการในปัจจุบัน การพิจารณามาตรการหรือโครงการต่าง ๆ จะมีข้อจำกัดของกฎหมาย คือ กรณีที่ครม.ได้กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงาน หรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อครม.ชุดต่อไปตามมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จะไม่สามารถดำเนินการได้นั้น ทำให้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซลไม่สามารถทำต่อเพราะจะไปผูกพันกับรัฐบาลต่อไป
นางสาวรัชดา กล่าวว่า มาตรการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซลในช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2565 โดยออกเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซล รวม 7 ฉบับ ซึ่งฉบับสุดท้ายจะสิ้นสุดระยะเวลาใช้บังคับในวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นี้ เท่านั้น
“แนวทางบริหารตามมาตรการนี้ รัฐบาลรักษาการก็มีข้อจำกัด ดังนั้นเรื่องการใช้มาตรการลดภาษีสรรพสามิตรน้ำมันดีเซลจะจบแค่วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 นี้ เท่านั้น ส่วนการดูแลโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ ก็ถือเป็นอำนาจของคระกรรมการกองทุนฯ จะไปพิจารณาแนวทางช่วยบรรเทาภาระประชาชนต่อไป โดยตอนนี้แนวโน้มราคาน้ำมันอยู่ที่ทิศทางที่ลดลงเรื่อย ๆ จนเกือบมามีราคาใกล้เคียงช่วงก่อนเกิดโควิดแล้ว”