เกษตรตั้งเป้าส่งออกทุเรียนทั้งปี แตะ 2 แสนล้าน

เกษตรตั้งเป้าส่งออกทุเรียนทั้งปี แตะ 2 แสนล้าน

กระทรวงเกษตรฯถอดบทเรียนความสำเร็จการควบคุมคุณภาพทุเรียนภาคตะวันออก “จันทบุรีโมเดล” เล็งใช้แอปพลิเคชั่น-กฎหมาย คุมการผลิตเพิ่มคุณภาพ ดันส่งออกทั้งปี แตะ 2 แสนล้นบาท

นายสุรเดช สมิเปรม รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมถอดบทเรียนการดำเนินงานควบคุมคุณภาพทุเรียนในระดับพื้นที่ภาคตะวันออก  ว่า  

 ที่ประชุมได้ร่วมแลกเปลี่ยนประเด็นปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดสำคัญและเสนอแนวทางแก้ไขในการดำเนินงานหน่วยงานในระดับพื้นที่ภาคตะวันออก (จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด)

 โดยจากการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพและการสวมสิทธิ์ใช้ใบรับรองการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) ของเกษตรกรเพื่อการส่งออกทุเรียนของประเทศไทยที่ผ่านมานับว่าประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก ดังนั้น จึงเห็นควรให้ร่วมกันในการถอดบทเรียนความสำเร็จทุเรียนภาคตะวันออก เพื่อยกระดับจัดระบบการผลิตทุเรียนคุณภาพให้เข้มข้นยิ่งขึ้นและใช้เป็นโมเดลในการทำงานควบคุมคุณภาพทุเรียนต่อไป

 พร้อมทั้งบูรณาการทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานที่ผ่านมา พบว่า หน่วยงานได้บูรณาการความร่วมมือกันทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ (ล้ง) มือตัด และมหาวิทยาลัยในจังหวัด โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่จะยกระดับคุณภาพทุเรียนของภาคตะวันออก และจังหวัดจันทบุรี ให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ  ซึ่งที่ประชุมสั่งให้ศึกษาแนวทางการจัดทำแอปพลิเคชันมาใช้ควบคุมการผลิตทุเรียน โดยพิจารณาถึงกฎหมาย ระเบียบอย่างรอบคอบ ด้วย

 

เกษตรตั้งเป้าส่งออกทุเรียนทั้งปี แตะ 2 แสนล้าน เกษตรตั้งเป้าส่งออกทุเรียนทั้งปี แตะ 2 แสนล้าน

นอกจากนี้ยังสร้างการรับรู้และความเข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติงาน เนื่องจากเป็นการทำงานในรูปแบบของคณะทำงาน มีการบูรณาการของทุกภาคส่วน และการดำเนินการจะไม่เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง แต่ในคณะทำงานจะมีหน่วยงานหลักเป็นผู้รับผิดชอบ ตลอดจนความทุ่มเทและเสียสละของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทุกจุดบริการ และทุกคณะทำงาน

“กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ให้ความสำคัญในการควบคุมกระบวนการผลิตทุเรียนให้มีคุณภาพได้ตามมาตรฐานของประเทศคู่ค้า และแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพออกสู่ตลาด

ซึ่งเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทำให้ทุเรียนภาคตะวันออกเป็นต้นแบบของทั้งประเทศ สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไทย "  

ขณะนี้มูลค่าการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีน สะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.66 – 13 ก.ค.66 รวมการส่งออก 45,775 ชิปเมนต์ ปริมาณ 765,985.95 ตัน มูลค่า 99,390.68 ล้านบาท และตั้งเป้าให้ถึง 2 แสนล้านบาทภายในปี 2566 นี้  เชื่อมั่นว่าทุเรียนภาคตะวันออก เป็นทุเรียนมีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐานส่งออก มีศักยภาพสามารถแข่งขันในตลาดจีนรวมไปถึงตลาดทั่วโลกได้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและผู้บริโภค

สำหรับการดำเนินการควบคุมคุณภาพผลผลิตทุเรียนภาคตะวันออก “จันทบุรีโมเดล” ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. การเตรียมความพร้อมในระดับจังหวัดและส่วนกลาง  ซึ่งระดับจังหวัด ต้องประชุมหารือและบูรณาการทำงานร่วมกัน ระหว่าง จังหวัดจันทบุรี สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดจันทบุรี สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 และสำนักงานเกษตรจังหวัดจันทบุรี เพื่อวางแผนและกำหนดมาตรการที่จะมาใช้ในพื้นที่

 โดยมีประกาศจังหวัดจันทบุรี เช่น เรื่องกำหนดวันเก็บเกี่ยวทุเรียนและวันเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลทุเรียนของจังหวัดจันทบุรี ในฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ. 2566  กำหนดเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียน ขอความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการตรวจก่อนตัดของจังหวัดจันทบุรี การขึ้นทะเบียนนักคัดนักตัดทุเรียน และแต่งตั้งคณะทำงานและชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจตรวจก่อนตัด หรือตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนก่อนตัด

 ตลอดจน แต่งตั้งคณะอำนวยการและคณะทำงานตรวจสอบคุณภาพทุเรียนในโรงคัดบรรจุผลไม้ทั้งเปลือกพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยอง ตราด และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานร่วมกับคณะทำงานและชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจตรวจก่อนตัด หรือตรวจเปอร์เซ็นต์น้ำหนักแห้งในเนื้อทุเรียนก่อนตัด ในฤดูกาลผลิต ปี พ.ศ. 2566 

ส่วนกลาง ระดับกระทรวง แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพฯ ระดับกรม กรมวิชาการเกษตร ออกคำสั่ง/ประกาศ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงาน ปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

2. กำหนดมาตรการ 4 มาตรการ ประกอบด้วย มาตรการควบคุมคุณภาพผลผลิตที่แหล่งผลิต (สวน)  การขึ้นทะเบียนนักคัดนักตัดทุเรียน มาตรการควบคุมคุณภาพผลผลิตตลาดส่งออกหรือโรงคัดบรรจุ และ มาตรการควบคุมคุณภาพผลผลิตตลาดในประเทศ ทั้งค้าส่ง-ค้าปลีก

 3. ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ให้เกษตรกร ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และบุคคลทั่วไป 4. จัดประชุมอบรมผู้เกี่ยวข้อง ประชุมเจ้าหน้าที่ คณะทำงาน และผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ พัฒนาทักษะ Q.C โรงคัดบรรจุ และนักคัดนักตัด และ 5. ติดตาม ประเมินผลการปฏิบัติงาน ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและควบคุมคุณภาพป้องกันปัญหาผลผลิตทุเรียน และมังคุด (War Room) เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน และรายงานสถานการณ์ 

ตลอดจนการแก้ไขปัญหา อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงานควบคุมคุณภาพทุเรียน และลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงาน