ปิดดีลประวัติศาสตร์ ‘บางจาก-เอสโซ่’ ผนึก 2 โรงกลั่น รุกตลาดค้าปลีกน้ำมัน
“บางจาก” ชำระค่าหุ้นเอสโซ่ 65.99% ปิดดีลประวัติศาสตร์ ครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมัน 30% ขึ้นเบอร์ 2 มั่นใจคืนทุน 5 ปี รีแบรนด์ทันที 200 ปั๊มปีนี้ ลุยแผนจูงใจดีลเลอร์ครบ 832 ปั๊ม ภายใน 2 ปี คาด 1 ก.ย.นี้ ทุกปั๊มจะเป็นน้ำมันสูตรบางจากครบทุกปั๊ม คงหุ้น ESSO ในตลาดอย่างน้อย 1 ปี
การเข้าซื้อหุ้น บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่บางจากฯ ไม่ยื่นอุทธรณ์คำสั่งของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่อนุญาตให้ควบรวมแบบมีเงื่อนไข เช่น ห้ามหน่วยงานรัฐเพิ่มสัดส่วนหุ้นในบางจากฯ เพื่อป้องกันไม่ให้ภาครัฐมีอำนาจควบคุมธุรกิจน้ำมันที่เป็นธุรกิจเสรี
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บางจากได้ชำระค่าหุ้น 2,283 ล้านหุ้น หรือ 65.99% ของเอสโซ่ ในราคา 9.8986 บาทต่อหุ้น ในช่วงเช้าวันที่ 31 ส.ค.2566 และจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ เอสโซ่ อีก 34.01% ซึ่งกำหนดเวลาทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์วันที่ 8 ก.ย.-12 ต.ค.2566 คาดว่าจะมีกำไร (EBITDA) เพิ่มขึ้นในประเทศอีกนับพันล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ บางจากจะมีเครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ 832 แห่งได้ทันที ซึ่งเมื่อรวมสถานีบางจาก 1,360 สาขา จะเป็น 2,192 สาขา โดยปลายปี 2567 จะเพิ่มเป็น 2,300 สถานี
ดังนั้น การที่บางจากรับโอนใบหุ้นจากการซื้อหุ้นเอสโซ่สำเร็จ เวลา 00.01 น.วันที่ 1 ก.ย.2566 น้ำมันในปั๊มเอสโซ่จะเปลี่ยนเป็นสูตรบางจาก โดยสังเกตจากสติกเกอร์ที่หัวจ่าย ส่วนปั๊มจะใช้เวลาเปลี่ยนผ่าน 2 ปี โดยปั๊มที่เอสโซ่ลงทุนบริหารเอง 280 แห่ง จะรีแบรนด์ทันทีภายในปีนี้ อาจเริ่มจากสาขาพระราม 4 ก่อน ส่วนที่เป็นดีลเลอร์กว่า 500 สาขา จะต้องดูสัญญา และเชิญชวนให้เปลี่ยนมาเป็นแบรนด์บางจาก ซึ่งจะใช้เวลารีแบรนด์ทั้งหมดภายใน 2 ปี
อย่างไรก็ตาม น้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่งของกลุ่มบริษัทบางจาก น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ น้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
“น้ำมันสูตรเอสโซ่จะมีเวลาให้ใช้ไม่เกิน 90 วันหลังจากวันนี้ ซึ่งภายหลังเที่ยงคืนนี้น้ำมันที่ออกจะเป็นของบางจาก จึงคาดว่าจะใช้เวลาขายน้ำมันเดิมภายในสิ้นเดือนก.ย. 2566 นี้ สำหรับ Market Share ปัจจุบันบางจากอยู่ที่ 16.3% และเอสโซ่ที่ 13.7% เมื่อรวมกันแล้วถือเป็นเบอร์ 2 ของตลาดราว 30% ซึ่งเบอร์ 1 มีส่วนแบ่งตลาดราว 40%”
ในขณะที่การให้บริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 แห่ง โดยเครือข่ายสถานีบริการของเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก สร้างโอกาสในการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงน้ำมันบางจากได้มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของบางจากฯ เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย
ผนึกโรงกลั่นพระโขนง-ศรีราชา
สำหรับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันว่า ปัจจุบันบางจากมีโรงกลั่นบางจากพระโขนง (เดิม) และโรงกลั่นลางจาก ศรีราชา 2 แห่ง เมื่อรวมโรงกลั่นเอสโซ่ขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน จะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวัน จากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่งคือโรงกลั่นบางจากพระโขนง และโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา
ทั้งนี้ ดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น จากเทคโนโลยีการกลั่นของเอสโซ่และบางจาก มีความถนัดคนละด้าน โดยบางจากมีความเชี่ยวชาญในการผลิตดีเซล ส่วนเอสโซ่ถนัดในการผลิตเบนซิน จะทำให้เสริมแกร่งซึ่งกันและกัน
“นับรวมวันนี้ 231 วัน จากวันที่ 12 ม.ค.2566 ที่เราได้ประกาศซื้อหุ้นเอสโซ่วันนี้ เราโอนเงินชำระค่าหุ้นเรียบร้อย สมบัติเอสโซ่จะเป็นของบางจาก คือ โรงกลั่นที่มีอายุ 129 ปี และยังมีโรงงานพาราไซลีน 500,000 ตัน ซึ่งเป็นโรงงานใหม่ที่เอสโซ่เพิ่งลงทุนไม่ถึง 10 ปี มูลค่าการลงทุนตอนนั้น 400-500 ล้านดอลลาร์ พื้นที่อาคาร 9,000 ตร.ม. คลังน้ำมันที่ จ.ลำปาง และ อ.ศรีราชา”
นอกจากนี้ ยังได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้ง 2 เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบจะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน
อีกทั้ง ยังมีหุ้นในบริษัท แทปไลน์ จำกัด สัดส่วน 21% และบริษัทบริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS 7% ปริมาณน้ำมัน 7.4 ล้านบาร์เรล และพื้นที่และท่าเรือ 800 ไร่ ถ้ามีเหตุการณ์ใดจะนำมาใช้ได้ทันที โดยไทยจะมีสต๊อกน้ำมัน 7.4 ล้านบาร์เรล ถือว่ามีความมั่นคงด้านพลังงาน และจะได้โรงกลั่นเป็นสมบัติของประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม
“หากบางจากต้องพัฒนาโรงกลั่นและปั๊มน้ำมันเองต้องใช้เวลา 129 ปี หากจะนับการลงทุนนั้นนับยาก และน่าจะเกิน 2-3 พันล้านดอลลาร์ แต่สร้างเสร็จจะไม่มีน้ำมัน ซึ่งการซื้อเอสโซ่ครั้งนี้ มั่นใจว่าจะคืนทุนไม่เกิน 5 ปี”
ยืนยันไม่กระทบลูกค้าเอสโซ่
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการดูแลลูกค้าเอสโซ่ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ไม่ให้มีผลกระทบ สามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนเอสโซ่สไมล์ได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 ส.ค.2567 ภายใต้บัตรเดิม หรือสามารถโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พ.ย. 2566 โดยราว 30% เป็นทั้งสมาชิกของทั้งเอสโซ่และบางจาก กลุ่มนี้จะง่ายแค่โอนคะแนน ทั้งนี้ ปัจจุบันบางจากกรีนไมลส์มีสมาชิกราว 6 ล้านราย ส่วนเอสโซ่สไมล์มีสมาชิกที่ 3.5 ล้านราย
ส่วนประเด็นการใช้น้ำมันจะน้อยลงจากการเข้ามาของยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) มองว่าประชาชกรรถที่ใช้น้ำมันยังสูงมาก โดยเห็นได้จากจีนที่ในเมืองมีการใช้รถอีวี 50% แต่เมื่อต้องวิ่งออกนอกเมืองจะใช้รถน้ำมัน เพราะยังมีความเสี่ยงสูง ซึ่งจีนมียอดขายรถอีวีปีที่แล้วสูงที่สุด 5 ล้านคัน จาก 8 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งรถอีวีไม่เหมือนมือถือที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ใช้เวลา 30 ปี เราเปลี่ยนมือถือได้ทุกปี แต่รถอีวีอย่างน้อย 5 ปี ส่วนการขยายสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ยังคงเป็นไปตามแผน คือ สิ้นปีนี้มี 240 สถานี 840 หัวจ่าย และเตรียมผนึกพาร์ทเนอร์ติดตั้งที่ชาร์จอีวีในปั๊มเอสโซ่ด้วย
คงหุ้น ESSO ในตลาดอย่างน้อย1ปี
“กำไรจากการซื้อหุ้นเอสโซ่จะถือเป็นกำไรพิเศษโดยจะเข้ามาในช่วงไตรมาส 3 ทันที และคาดว่าจะยังคงเอสโซ่ไว้ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อย่างน้อยต่อไปอีก 1 ปี ซึ่งจากการซื้อหุ้นครั้งนี้กว่า 2 หมื่นล้านบาท เราใช้เงินบางจาก 1.7 หมื่นล้านบาท เบิกเงินกู้มาเพียง 5,000 ล้านบาท ดังนั้น เราจะใช้เงินกู้แค่ 1.3 เท่า ส่วน Market Cap บางจากมี 5 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับบริษัทระดับท็อปด้านโรงกลั่นเบอร์ 1 ที่ Market Cap อยู่ที่กว่า 1 ล้านบาท ถือว่าเราก็ยังมีช่องทางที่จะเติบโต”
สำหรับแนวทางการลดราคาพลังงานของรัฐบาลใหม่ ซึ่ง 1 ในนั้น คือ การลดการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนตัวมองว่า บางจากนำเข้าน้ำมันทุกเดือนเฉลี่ยเดือนละ 80-90 ล้านลิตร อาทิ น้ำมันเบนซินที่ต้องผสมเอทานอลให้เป็นแก๊สโซฮอลล์ และต้องนำเข้าน้ำมันดีเซลด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วถือเป็นตลาดเสรี การนำเข้าและส่งออก สิ่งสำคัญคือ คือ ภาษีต่างๆ อาทิ สรรพสามิต ท้องถิ่น มูลค่าเพิ่ม เก็บเข้ากองทุนฯ รวมประมาณลิตรละ 12 บาท ดังนั้น จุดนี้น่าจะเป็นประเด็นมากกว่า
“สำหรับแผนการใช้เงินลงทุนแม้จะมีเอสโซ่หรือไม่มี ภาพใหญ่ยังเหมือนเดิมคืองบลงทุน 5 ปี 2 แสนล้านบาท ดังนั้น การซื้อหุ้นครั้งนี้ ถือเป็นการซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี ไม่ได้ซื้อแบรนด์ ไม่ได้ซื้อสูตรน้ำมัน”
ต้อนรับพนักงานเอสโซ่500คน
นอกจากนี้ บางจากยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงานเอสโซ่ราว 500 คน รวมพนักงานบางจากอีก 1,200 คน พร้อมรับผู้ประกอบการ ลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก ซึ่งการรวมทีมงานคุณภาพของทั้ง 2 บริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่น ๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้วยังรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่างๆ