กางไทม์ไลน์รัฐบาล ‘เศรษฐา1’ นโยบายไหนเริ่มได้เมื่อไหร่?
ส่องไทม์ไลน์นโยบายรัฐบาล "เศรษฐา1" นโยบายอะไรจะเริ่มเมื่อไหร่ แจกเงินดิจิทัลเริ่มสงกรานต์ปี 67 พักหนี้เกษตรกรเริ่ม ต.ค.นี้ ขึ้นค่าแรงเริ่มหลังปีใหม่ ส่วนรถไฟฟ้า20 บาทนายกฯขอดูรายละเอียด "สุทิน" คาดเลิกเกณฑ์ทหารเม.ย.ปี 67 ถ้าคนสมัครเต็มจำนวน
เรียกได้ว่าเครื่องร้อนสำหรับการทำงานของรัฐบาล “เศรษฐา1” ภายใต้การนำของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แม้จะยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการ แต่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีบางคนได้เริ่มออกมาพูดถึงกรอบระยะเวลาสำคัญที่ได้มีการหาเสียงไว้กับประชาชนแล้วว่าจะสามารถเริ่มต้นได้เมื่อไหร่
“กรุงเทพธุรกิจ”รวบรวมคำให้สัมภาษณ์ถึงนโยบายสำคัญๆจากนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ รวมทั้งแกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผู้อ่านได้ทราบและติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายเหล่านี้ว่าจะเริ่มต้นได้ในช่วงใด
1.นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท (Digital Wallet)
นโยบายนี้น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานทำงานด้านนโยบายพรรคเพื่อไทย และว่าที่เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่านโยบายนี้ประชาชนได้ใช้เงินดิจิทัล ช่วงเมษายน-เทศกาลสงกรานต์ปี 2567 ให้ประชาชนเดินทางกลับบ้าน ใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน
นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต มีความมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและกระจายความเจริญไปทั่วประเทศทุกชุมชน ดังนั้นการใช้จ่ายภายในรัศมี 4 กม จึงเป็นหลักพิจารณาให้เงินนั้นกระจายไปในชุมชนที่ผู้รับเงินอยู่อาศัย ซึ่งสามารถยืดหยุ่นได้ตามข้อจำกัดพื้นที่ห่างไกล แต่ประเด็นน่าสนใจคือ หลายหมู่บ้าน ประชาชนคิดรวมตัว สร้างร้านหาสินค้ามาลง เพื่อให้คนได้ใช้จ่าย และสร้างรายได้กับชุมชนตนเอง
2.นโยบายลดราคาพลังงาน น้ำมัน-ค่าไฟ
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า เตรียมว่ารัฐบาลเพื่อไทยเตรียมเดินหน้าลดราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมันและราคาค่าไฟทันที ใน การประชุม ครม. ครั้งแรก หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อลดภาระประชาชน
โดยจะลด "ราคาน้ำมัน" ทันที
น้ำมันดีเซล จะใช้กลไกการปรับลดภาษีสรรพสามิตโดยทันที และลดภาระของกองทุนน้ำมันฯเพื่อปรับโครงสร้างราคา และภาษีอย่างยั่งยืน
น้ำมันเบนซิน จะช่วยเหลือชดเชยเฉพาะกลุ่ม
ส่วน "ค่าไฟ" จะลดราคาลงทันที โดยใช้กลไกยืดการชำระหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยไปก่อน ในช่วงที่ต้นทุนไฟฟ้ายังสูงอยู่ เพื่อลดภาระที่ซ้ำเติมต้นทุนไฟฟ้า
3.นโยบายพักหนี้เกษตรกร 3 ปี
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่านโยบายการพักหนี้เกษตรกรว่าได้มอบหมายให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปดูเรื่องของขั้นตอนต่าง ๆ โดยประสานงานใกล้ชิดกับกระทรวงการคลัง คาดว่าน่าจะทำได้ในช่วงเดือนต.ค.2566 เพราะเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วนของพรรคเพื่อไทย โดยการพักหนี้จะมีการพักทั้งต้นและดอก หลักการคือเราต้องการให้พี่น้องเกษตรกรมีเวลาไปพื้นฟูตัวเอง ไปทำมาหากินโดยไม่ต้องพะวงกับเรื่องหนี้สิน จะได้มีขวัญและกำลังใจในการหารายได้
นอกจากนั้นได้หารือกับทางสถาบันจัดอับดับหนี้ ซึ่งดูแลหนี้สินทั้งหมดของประชาชน จึงไม่ได้ดูแลแค่พี่น้องเกษตรกรอย่างเดียว แต่ยังจะดูแลครู ตำรวจและผู้ที่ประสบภัยพิบัติในช่วงโควิด-19 (หนี้บัญชี 21) ที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษด้วย
4. นโยบาย“วีซ่าฟรี” เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในเรื่องการสนับสนุนการท่องเที่ยวได้เสนอให้มีการทำ “วีซ่าฟรี” คือ “ไม่ต้องขอวีซ่า” เพราะฉะนั้นถ้าไม่ต้องขอวีซ่าในการเข้าประเทศ ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า ซึ่งเป็นความประสงค์ที่ได้พูดคุยกันมาโดยตลอด และมั่นใจว่าทุกภาคส่วนเข้าใจว่าเรายกเว้นการขอวีซ่า ซึ่งน่าจะเป็นชั่วคราวก่อนในช่วงไฮซีซัน โดยเรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ในตอนต้นไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงพีคซีซั่นพอดี ก็หวังว่าจะเริ่มต้นภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
โดยได้มีการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคง รวมไปถึงบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ด้วย เพื่อพิจารณาทั้งหมด ทั้งการเดินทางเข้าประเทศ การอำนวยความสะดวก รวมไปถึงรถโดยสารสาธารณะที่จะเข้าไปในสถานบินด้วยอีกหลายเรื่อง ซึ่งได้มีการพูดคุยกันแล้วและเห็นชอบในหลักการ รวมทั้งได้พูดคุยกับทางว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็เห็นด้วยและพร้อมผลักดันให้เกิดขึ้นได้
5.นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ซึ่งในส่วนนี้เป็นหนึ่งในนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ที่มีการรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)และมีการกำหนดวงเงินงบประมาณไว้กว่า 4 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามจากการที่ผู้สื่อข่าวสอบถามนายกฯเศรษฐาได้รับตำตอบว่านโยบายนี้ต้องหารือพรรคร่วมรัฐบาลก่อน
“ต้องขอไปพิจารณาในรายละเอียดก่อน เพราะถึงแม้จะเคยบอกว่าเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย แต่ปัจจุบันเราไม่ได้เป็นรัฐบาลพรรคเดียว การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลอีก 10 พรรค ก็ต้องไปพิจารณาในเรื่องของงบประมาณโดยรวมก่อน และจะมีการชี้แจงอีกครั้ง”
6.ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ โดยนโยบายนี้เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทย โดยระบุว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 600 บาทต่อวันในปี 2570 ส่วนเงินเดือนปริญญาตรีจะเริ่มต้นที่ 25,000 บาทต่อเดือนในปี 2570 เช่นกัน อย่างไรก็ตาม หลังจากลงพื้นที่พบแรงงานชาวประมงที่จ.สมุทรสาคร เมื่อสัปดาห์ก่อนนายกฯเศรษฐาบอกเรื่องค่าแรงขั้นต่ำจะเริ่มเห็นการปรับขึ้นหลังเทศกาลปีใหม่ 2567
“การขึ้นค่าแรงเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย ยอมรับว่าหากปรับขึ้นจะเป็นภาระของทุกภาคส่วน แต่มีความจำเป็น เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น ที่สำคัญคือการเน้นเพิ่มรายได้ ถ้าสามารถเพิ่มรายได้ให้ธุรกิจ SME ได้ จะสามารถเพิ่มรายได้ให้ประชาชนที่มารับจ้าง ซึ่งต้องพูดคุยกัน จะทำทันที ปีใหม่ได้เห็นแน่ แต่ต้องหารือกับพรรคร่วม พร้อมต้องให้เกียรติกัน”
7.การยกเลิกเกณฑ์ทหาร
เกี่ยวกับนโยบายนี้สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงนโยบายการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ว่าหลังได้หารือกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพว่า มีการพูดคุยกับ 3 เหล่าทัพ ซึ่งเรื่องการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เราพบว่า กองทัพดำเนินการมานานแล้วและทำมาเป็นขั้นตอน เพียงแต่หากเราอยากให้รวดเร็วและทันกับที่สังคมต้องการ รัฐบาลจะต้องเข้าไปกำกับสนับสนุน ก็ไม่หนักใจอะไร
โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้เลยในเดือนเมษายน 2567 หมายถึงมีการเกณฑ์ทหารนั้นเราสามารถรับสมัครได้เลย และเมื่อไปถึงเม.ย.ปีหน้าหากมีคนสมัครเต็มก็ไม่ต้องมีการเกณฑ์ทหาร