รัฐบาลเล็งขยายกรอบใช้จ่ายมาตรา 28 เพิ่มเป็น 45%
“เศรษฐา”เผย รัฐบาลมีแนวคิดขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 เป็น 45% จาก 32% ของวงเงินงบประมาณในปี 67 เพื่อสนับสนุนการดูแลประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เพื่อรองรับการดำเนินนโยบายรัฐบาลในการดูแลประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น รัฐบาลมีความจำเป็นต้องขยายกรอบการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน 32% ของวงเงินงบประมาณ โดยมีแผนจะขยายเพิ่มเป็น 45% ของวงเงินงบประมาณในปีงบ 67 และมีแผนจะปรับลดกรอบวงเงินดังกล่าวให้เท่ากับอัตราเดิมภายในปี 2570
ทั้งนี้ รัฐบาลมีโครงการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทต่อคน สำหรับผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป วงเงินจะอยู่ที่ประมาณ 5.6 แสนล้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และต้องการให้เม็ดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่นจริง โดยภายใต้เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินในรัศมี 4 กิโลเมตร (กม.) นั้น ไม่ได้เป็นข้อจำกัด ด้วยเหตุเชื่อว่า เม็ดเงินอยู่ตรงไหน ผู้ประกอบการจะเข้าไปหาแหล่งเงินนั้น เช่น รถพุ่มพวง เข้าในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้าน ก็สามารถใช้จ่าย และมีประชาชนจะรวมกลุ่ม ที่จะลงทุนขายก๋วยเตี๋ยว ก็ต้องซื้ออุปกรณ์ และวัตถุดิบ
“ทันทีที่เราประกาศ ผู้ผลิตต่างๆ ก็เตรียมการต่อยอดนโยบาย ด้วยการลงทุนผลิตสินค้าเพิ่มเติมแล้ว ซึ่งก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ และเกิดจ้างงาน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ”
ทั้งนี้ การกำหนดระยะทางในการใช้จ่าย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การใช้จ่ายนั้น เกิดเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบ ทั้งยังสามารช่วยส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็งมากขึ้น เพราะลูกหลานได้กลับบ้านเกิดเพื่อใช้เม็ดเงินดังกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า รัฐบาลยังมีนโยบายพักหนี้เกษตรกรและเอสเอ็มอีเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งจะไม่กระทบต่อกรอบวงเงินตามมาตรา 28 พ.ร.บ.วินัยการคลัง เนื่องจาก สิ้นปีงบประมาณ2566 จะมีวงเงินใช้คืนจากโครงการที่ใช้ในมาตรา 28 มาจำนวนหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจะนำมาใช้จ่ายเพื่อนโยายดังกล่าว แต่กรณีโครงการแจกเงินดิจิทัลที่ใช้วงเงิน 5.6 แสนล้านบาทนั้น รัฐบาลจำเป็นต้องขยายกรอบวงเงินตามมาตรา 28 ทั้งนี้ การขยายวงเงินตามมาตรา 28 นั้น จะต้องเสนอคณะกรรมการวินัยการเงินการคลัง ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมในเดือนพ.ย.นี้
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า การขยายกรอบวงเงินใช้จ่ายดังกล่าวเป็น 45% เท่ากับว่า รัฐบาลจะมีวงเงินใช้จ่ายเพิ่มอีก 13% จากกรอบเดิม 32% เมื่อคำนวณจากวงเงินงบประมาณปี 67 จะเท่ากับว่า รัฐบาลจะมีวงเงินนอกงบประมาณสำหรับการดำเนินนโยบายราว 4 แสนล้านบาท โดยยังไม่นับรวมเม็ดเงินที่รัฐบาลจะชดใช้คืนจากการใช้เงินตามมาตรา 28 ในปีก่อนหน้า ซึ่งคาดว่า จะมีวงเงินอีกประมาณ 2 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ในทุกรัฐบาลได้ใช้ช่องทางการใช้จ่ายเงินตามมาตรา 28 ของพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อนำมาใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ โดยการใช้จ่ายตามมาตราดังกล่าวจะไม่ถูกนับเป็นหนี้สาธารณะ