พิษเอลนีโญ เกษตรกรเหนือล่าง กลางบน ลดพื้นที่ทำนาผลผลิตข้าววูบ 5.93%

พิษเอลนีโญ  เกษตรกรเหนือล่าง กลางบน ลดพื้นที่ทำนาผลผลิตข้าววูบ 5.93%

สศก. เผยปรากฎการณ์เอลนีโญ ลานิลญา กระทบผลผลิตข้าวนาปีปีเพาะปลูก 2566/67ภาคเหนือตอนล่าง พื้นที่ลดลง 4.2 แสนไร่ ผลผลิตลด5.93 %

นางธัญญ์พิชชา เถระรัชชานนท์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 พิษณุโลก (สศท.2) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่าปรากฎการณ์เอลนีโญ ลานิลญา ที่ส่งผลกระทบต่อภาวะการผลิตข้าวนาปีปีเพาะปลูก 2566/67ในเขตภาคเหนือตอนล่างได้แก่ พิษณุโลก สุโขทัย แพร่ อุตรดิตถ์ น่าน และตาก ทั้งฝนมาช้า ฝนทิ้งช่วง สภาพอากาศแล้ง ร้อนจัด เกษตรกรคาดว่าปริมาณน้ำอาจไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิตจึงลดเนื้อที่ปลูกลง โดยปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนในพื้นที่ราบนาดอนการระบายน้ำไม่ท่วมขัง เป็นพืชใช้น้ำน้อยกว่าข้าว และราคาอยู่ในเกณฑ์ดี 

 

พิษเอลนีโญ  เกษตรกรเหนือล่าง กลางบน ลดพื้นที่ทำนาผลผลิตข้าววูบ 5.93%

ส่งผลทำให้ภาพรวมเนื้อที่เพาะปลูกลดลงร้อยละ 1.39 อยู่ที่ 4,240,420 ไร่ จากเดิมปีเพาะปลูก 2565/66 อยู่ที่ 4,300,055 ไร่ ต่อมาในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าแปลงนาข้าวของเกษตรกรทั้ง6จังหวัด ส่งผลกระทบทำให้เนื้อที่เก็บเกี่ยวลดลงร้อยละ 2.64 อยู่ที่ 4,060,847ไร่ จากเดิมปีเพาะปลูก 2565/66 อยู่ที่ 4,212,552 ไร่ผลผลิตต่อไร่ลดลงร้อยละ 2.47อยู่ที่ 554กิโลกรัม/ไร่ จากเดิมปีเพาะปลูก 2565/66 อยู่ที่ 568 กิโลกรัม/ไร่

 เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตในแต่ละช่วง ทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตไม่เต็มที่ เมล็ดข้าวลีบ แต่ช่วงใกล้เก็บเกี่ยวเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ทำให้ผลผลิตเน่าเสียหาย ทำให้ปริมาณผลผลิตลดลงร้อยละ 5.93อยู่ที่ 2,249,464ตัน จากเดิมปีเพาะปลูก 2565/66 อยู่ที่ 2,391,271 ตัน

โดยผลผลิตข้าวนาปี ปีเพาะปลูก2566/67เริ่มออกสู่ตลาดแล้วตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 – กุมภาพันธ์ 2567 ออกมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน 2566 (ข้อมูลพยากรณ์ ณ เดือนตุลาคม 2566 ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพข้อมูลปริมาณการผลิตสินค้าเกษตร ด้านพืชครั้งที่ 3/2566 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2566)จำแนกรายจังหวัดดังนี้

พิษเอลนีโญ  เกษตรกรเหนือล่าง กลางบน ลดพื้นที่ทำนาผลผลิตข้าววูบ 5.93%

จังหวัดพิษณุโลก  เนื้อที่เพาะปลูก คาดว่า มีจำนวน 1,464,600ไร่ ลดลงร้อยละ 1.39 จากปี 2565/66อยู่ที่ 1,485,281 ไร่เนื่องจากฝนมาช้า พื้นที่นอกเขตชลประทานได้รับผลกระทบจากฝนทิ้งช่วงทำให้น้ำในแหล่งเก็บกักไม่เพียงพอตลอดรอบการเพาะปลูก

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 %คาดว่าจังหวัดพิษณุโลกอยู่ที่582กิโลกรัม/ไร่ลดลงร้อยละ 2.51 จากปี 2565/66อยู่ที่ 597 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด คาดว่าจังหวัดพิษณุโลกผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดช่วงเดือนกรกฎาคม2566 -มกราคม2567จำนวน 830,757ตัน

 

จังหวัดสุโขทัย เนื้อที่เพาะปลูก มีจำนวน 1,171,450 ไร่ลดลงร้อยละ 1.02จากปี 2565/66อยู่ที่ 1,183,502 ไร่ เนื่องจากฝนมาช้า ฝนตกน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เกษตรกรคาดว่าปริมาณน้ำจะไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 % จังหวัดสุโขทัยอยู่ที่558กิโลกรัม/ไร่ลดลงร้อยละ2.79จากปี 2565/66 อยู่ที่ 574 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด จังหวัดสุโขทัยผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดช่วงเดือน กรกฎาคม 2566- กุมภาพันธ์ 2567จำนวน 592,255ตัน

โดยพื้นที่นาข้าวของจังหวัดสุโขทัยได้รับความเสียหายจากอุทกภัยอย่างหนักในช่วงต้นเดือนตุลาคม2566ทำให้เนื้อที่เก็บเกี่ยวลดลงมากถึงร้อยละ9.8จากปีที่ผ่านมา

จังหวัดอุตรดิตถ์มีเนื้อที่เพาะปลูกจำนวน 613,830 ไร่ ลดลงร้อยละ 1.56 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 623,563 ไร่ เนื่องจากฝนมาช้า อากาศร้อนจัด เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงในหลายพื้นที่ เกษตรกรคาดว่าเสี่ยงต่อภาวะขาดแคลนน้ำในรอบการผลิต และเกษตรกรบางรายปล่อยว่างในแหล่งผลิตสำคัญ (อำเภอพิชัย)

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 %จังหวัดอุตรดิตถ์อยู่ที่587กิโลกรัม/ไร่ ลดลงร้อยละ 2.33 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 601 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด จังหวัดอุตรดิตถ์ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดช่วงเดือนสิงหาคม2566 -มกราคม2567จำนวน348,476ตัน เนื่องจากเกษตรกรในบางพื้นที่ปลูกข้าวนาปีล่าช้า อีกทั้งข้าวเจ้าพันธุ์ขาวดอกมะลิมีอายุเก็บเกี่ยวนานถึง120วัน

จังหวัดตากมีเนื้อที่เพาะปลูกจำนวน 376,700 ไร่ ลดลงร้อยละ 2.08 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 384,705ไร่ เนื่องจากแหล่งผลิตข้าวสำคัญ ได้แก่ ตำบลโป่งแดง ตำบลวังประจบ ตำบลตลุกลางทุ่ง ฝนมาล่าช้า เกิดภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง ทำให้เกษตรกรปลูกข้าวได้เพียงรอบเดียว โดยในพื้นที่นาดอนอาจปล่อยว่าง

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 %จังหวัดตากอยู่ที่408กิโลกรัม/ไร่ ลดลงร้อยละ 0.97 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 412 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด จังหวัดตากผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม2566จำนวน 150,306ตันจังหวัดน่านผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนตุลาคม2566 -มกราคม2567จำนวน 166,818ตัน

จังหวัดน่าน มีเนื้อที่เพาะปลูกจำนวน 327,800 ไร่ ลดลงร้อยละ 1.55 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 332,949 ไร่ เนื่องจากปี 2566 ในช่วงเตรียมการเพาะปลูกเกิดภาวะแล้ง ฝนน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เกษตรกรคาดว่าปริมาณน้ำไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิตจึงลดพื้นที่บางส่วนไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนในพื้นที่ดอน และบางพื้นที่ปล่อยว่าง

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 %จังหวัดน่านอยู่ที่514กิโลกรัม/ไร่ ลดลงร้อยละ 0.77 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 518 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดจังหวัดน่านผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนตุลาคม2566 -มกราคม2567จำนวน 166,818ตัน

จังหวัดแพร่ มีเนื้อที่เพาะปลูกจำนวน 286,040 ไร่ลดลงร้อยละ1.38จากปี 2565/66อยู่ที่ 290,055 ไร่ เนื่องจากฝนมาช้า ภัยแล้ง เกษตรกรคาดว่าปริมาณน้ำอาจไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต เกษตรกรจึงปรับเปลี่ยนไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แทนและมีบางพื้นที่ปล่อยว่าง 

ผลผลิตต่อไร่ ณ ความชื้น15 % จังหวัดแพร่อยู่ที่566กิโลกรัม/ไร่ ลดลงร้อยละ 2.75 จากปี 2565/66 อยู่ที่ 582 กิโลกรัม/ไร่

ด้านปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาดจังหวัดแพร่ผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือนกันยายน- ธันวาคม2566จำนวน 160,852 ตัน

สำหรับการณ์ข้าวนาปรัง ปี2567ภาพรวม6จังหวัด คาดว่าจังหวัดพิษณุโลกมีเนื้อที่ปลูกเท่าเดิม เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เห็นว่าปริมาณน้ำจะมีเพียงพอตลอดรอบการผลิต อีกทั้งพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยจะปลูกข้าวทันทีหลังน้ำลดแต่อาจปลูกล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งหากชลประทานมีแผนปล่อยน้ำในช่วงฤดูแล้ง คาดว่าเนื้อที่ปลูกจะเพิ่มขึ้น

 

จังหวัดสุโขทัย มีเนื้อที่ปลูกข้าวเท่าเดิม เนื่องจากในแหล่งผลิตอำเภอศรีสัชนาลัย เห็นว่าปริมาณน้ำในแหล่งเก็บกักมีมากเพียงพอต่อการปลูกข้าวนาปรัง ส่วนอำเภออื่นๆที่เกษตรกรมีบ่อสระในไร่นาได้เพาะปลูกข้าวนาปี2รอบแล้ว จึงปล่อยพื้นที่ว่าง ไม่ปลูกเพิ่มเพราะเกรงว่าน้ำจะไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต ในขณะที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม คาดว่าลดลงเพราะน้ำไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต

 

จังหวัดตาก มีเนื้อที่ปลูกเพิ่มขึ้นในแหล่งผลิตสำคัญ ได้แก่ อำเภอเมืองตาก อำเภอบ้านตาก เนื่องจากเกษตรกรเห็นว่าราคาอยู่ในเกณฑ์ดี น้ำที่กักเก็บในแหล่งชลประทานคาดว่ามีเพียงพอตลอดรอบการผลิต และเกษตรกรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอสามเงาขยายพื้นที่ปลูก เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตข้าวไว้บริโภคในครัวเรือน เพราะปีที่ผ่านมาเน้นปลูกถั่วและข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังนา

จังหวัดอุตรดิตถ์ มีเนื้อที่ปลูกลดลง เนื่องจากในพื้นที่อำเภอเมือง มีเกษตรกรบางรายปรับเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดหลังนาตามมาตรการส่งเสริมของจังหวัด และในอำเภอท่าปลา ปริมาณน้ำที่กักเก็บมีน้อยไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต เกษตรกรจึงหันไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เป็นพืชใช้น้ำน้อยแทน ในขณะที่อำเภอพิชัย เกษตรกรกรส่วนใหญ่จะปลูกต่อทันทีหลังน้ำลด แต่จะปลูกล่าช้ากว่าปีที่ผ่านมา

จังหวัดแพร่ มีเนื้อที่ปลูกลดลง เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่เห็นว่าปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิตจึงหันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทน อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ พริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่ และยาสูบ(อำเภอสอง) และบางพื้นที่มีการก่อสร้างแหล่งน้ำชลประทานไว้เก็บน้ำในช่วงฤดูแล้งทำให้ชลประทานงดปล่อยน้ำทำนาปรัง(อำเภอเด่นชัย)

จังหวัดน่านมีเนื้อที่ปลูกลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำในแหล่งเก็บกักอาจไม่เพียงพอตลอดรอบการผลิต เกษตรกรจึงหันไปปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

 สถานการณ์การตลาดข้าวไทย ปี2566 ราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ ความชื้น 15 %(ราคาวันที่ 15 ตุลาคม 2566) อยู่ระหว่าง10,870- 12,200บาท/ตันเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (8,200 - 9,200บาท/ตัน)ตามกลไกตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทั้งปริมาณสต็อกข้าวในประเทศที่ลดลง Demand เพิ่มทั้งใน+ต่างประเทศ สต็อกข้าวและกลุ่มธัญพืชโลกที่ยังมีน้อย และปัจจัยต่างๆ อาทิ สภาพภูมิอากาศแปรปรวน โรคระบาดในพืชต่างๆคลื่นความร้อนในแหล่งผลิตข้าว (อินเดีย) ประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์(รัสเซีย-ยูเครน)

ทำให้หลายประเทศกำหนดมาตรการจำกัดการส่งออกข้าว เช่นเดียวกับราคาข้าวเหนียวอยู่ระหว่าง10,600 - 11,950บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (8,200 - 9,200 บาท/ตัน) ข้าวหอมจังหวัดอยู่ระหว่าง12,000 - 13,100บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (10,000 -11,000 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ทำธุรกิจแบบครบวงจร ทั้งโรงสีและบริษัทส่งออกข้าวมีความต้องการบริโภคจากภาคครัวเรือน ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยวที่จะปรับตัวดีขึ้นภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย

ทั้งนี้สศท.2 จะติดตามสถานการณ์การผลิตข้าวทั้งข้าวนาปี ปีเพาะปลูก2566/67และข้าวนาปรัง ปี2567ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ได้รับผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ ลานิลญ่า อย่างต่อเนื่อง

เพื่อนำเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำแผนบริหารจัดการผลผลิตข้าวครบวงจร และใช้เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาตลอดห่วงโซ่ข้าวในระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสอดรับกับนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีการมอบหมายผู้รับผิดชอบรายสินค้าเกษตรสำคัญ เพราะเห็นว่าการแก้ไขปัญหาด้วยความรวดเร็วทันต่อสถานการณ์จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์

พิษเอลนีโญ  เกษตรกรเหนือล่าง กลางบน ลดพื้นที่ทำนาผลผลิตข้าววูบ 5.93%

อย่างไรก็ตาม หากมีการบูรณาการร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนพัฒนาสินค้าข้าวตลอดห่วงโซ่ในระดับจังหวัดที่ครอบคลุมในทุกมิติจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาและพัฒนาข้าวทั้งระบบได้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดความยั่งยืนหาก