ส่งออก-ท่องเที่ยว"พระเอก"เศรษฐกิจไทยปี 2567
เศรษฐกิจปี 67 ยังต้องเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกและในประเทศ หวัง “ส่งออก-ท่อง” จะเป็น”พระเอก”ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโตตามเป้าหมาย
เศรษฐกิจไทยปี2566 ฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้าซึ่งมีหลายปัจจัยที่กดดันไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ความล่าช้าในการใช้งบประมาณภาครัฐเป็นที่ยังไม่มี พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จึงทำให้การใช้จ่ายในส่วนของการอุปโภค-บริโภค และการลงทุนภาครัฐยังไม่เกิดขึ้น
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวที่คาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมามากแต่ก็ไม่เป็นไปตามคาดโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน รวมทั้งการส่งออกที่ติดลบ ส่งผลให้ทั้งปีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้
ย่างก้าวเข้าสู่ปีมังกร2567บรรดากูรูทางเศรษฐกิจคาดการณ์ตรงกันว่า เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญความไม่แน่นอนสูงทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกเช่น เศรษฐกิจโลก สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ราคาน้ำมันโลก เศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวช้า ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ขยายวงกว้าง ปัญหาเอลนีโญ ส่วนภายในประเทศนั้น มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เสถียรภาพทางการเมืองไทย งบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า ปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้เศรษฐกิจไทยในปี 67 ต้องลุ้นไม่ต่างจากปี2566 ที่ผ่านมา
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวที่ 2.7-3.7% เช่นเดียวกับธนาคารแห่งประเทศไทยและม.หอการค้าไทย ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 67 โต 3.2% ยังไม่รวมกับดิจิทัลวอลเล็ต โดยความหวังให้การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยโตตามเป้าหมายยังคงเป็น 2 เครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจ คือ “ภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว”
โดยภาคการส่งออก คาดว่าจะขยายตัว2-3 %ซึ่งการส่งออกของไทยเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงปลายปี 66 หลังที่ติดลบมาเป็นเวลาหลายเดือน ล่าสุดการส่งออกเดือน พ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 4.9% เป็นการกลับมาเป็นบวกต่อเนื่องติดต่อกัน 4 เดือน และธ.ค.ก็น่าจะเป็นบวกได้ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกของการส่งออกของไทยแม้จะมีปััญหากบฏฮูตีโจมตีเรือบรรทุกสินค้าในทะเลแดง เส้นทางเดินเรือสำคัญผ่านคลองสุเอซ ทำให้กระทบต่อการค้าโลก
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้การส่งออกไทยที่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในปัญหาต่างๆของโลกแล้ว ยังมีนโยบายกีดกันการค้ายังเข้มข้นอยู่โดยเฉพาะประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศคู่ค้าจะนำมาใช้เป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non - Tariff BarriersหรือNTBs)ที่จะมีมากขึ้นในอนาคต
ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 35 ล้านคน สร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 3 ล้านล้านบาท จากที่ปี 66 มีนักท่องเที่ยวจำนวน 28 ล้านคน โดยมั่นใจว่าศักยภาพด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องของไทยที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ อีกทั้งประเทศไทยยังเป็นหมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เศรษฐกิจไทยปี 67 ยังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัยที่รุมเร้าและอาจจะเติบโตได้น้อยกว่า 3 % แต่อย่างน้อยภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยวของไทยยังคงเป็นพระเอกที่จะเป็นกลไกสำคัญผลักดันเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนและเติบโตได้ท่ามกลางวิฤตเศรษฐกิจโลก