‘เศรษฐา’ กางไทม์ไลน์ถกสหรัฐ ดึงเซมิคอนดักเตอร์ ลงทุนไทย
“เศรษฐา” จับเข่าคุย รมว.พาณิชย์สหรัฐฯ 14 มี.ค.ดึงสหรัฐฯลงทุนเซิคอนดักเตอร์ในไทย ต่อยอดEV สมาร์อิเล็กทรอนิกส์ ไทยพร้อมเป็นฮับการเงิน จี้ตลท.ทำงานเชิงรุก หลังซาอุฯเร่งกระจายเม็ดเงินลงทุนในเอเชีย หวังไทยดึงลงทุนระดับหมื่นล้าน คิกออฟแผนอัพเกรดสนามบิน 1 มี.ค.นี้
KEY
POINTS
- นายกรัฐมนตรีแถลงวิสัยทัศน์ 8 ด้านเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า ในเวที IGNITE THAILAND
- นายกฯมีกำหนดหารือกับจีนา ไรมอนโด รมว.พาณิชย์สหรัฐฯเพื่อหารือเรื่องการเชิญชวนธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ ลงทุนในไทย
- นายกฯชี้ไทยมีโอกาสเป็นศูนย์กลางการเงินภูมิภาคได้แต่ฝ่ายเกี่ยวข้องต้องทำงานเชิงรุกมากขึ้น
- นายกฯเตรียมประกศแผนอัพเกรดสนามบินหลายแห่ง 1 มี.ค.นี้
วานนี้ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถา วิสัยทัศน์ Thailand Vision “IGNITE THAILAND : จุดพลัง รวมใจ ไทยต้องเป็นหนึ่ง” ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่าประเทศไทยเรามีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางการลงทุนในหลายด้าน โดยวันนี้ในเรื่องของดิจิทัลนั้นถือว่ามีความพร้อมและเป็นที่สนใจมากโดยตอนที่ตนเองได้เดินทางไปที่สหรัฐ ทิม คุก ซีอีโอของบริษัท apple ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปอันดับ 2 ของโลกนั้นได้นัดคุยกับตนเองเพราะมีความสนใจว่าในประเทศไทยมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่น (application developer) กว่า 3 แสนราย ซึ่งเขาอยากจะมีความร่วมมือกับเรา
ในส่วนนี้ก็มีโอกาสที่จะให้กับประชาชน จะทำอย่างไรให้เด็กไทย เติบโตขึ้นมาแล้วมีโอกาสได้ทำงานกับบริษัทชั้นนำเหล่านี้ทำให้มีเงินเดือนที่สูงมาก และในประเทศไทยก็มีบริษัที่เป็นคลาวด์เซอร์วิสระดับโลกเข้ามาลงทุนแล้วทั้ง AWS และหัวเหว่ย ทำให้มีโอกาสรออยู่อีกมาก
ดันเซมิคอนดักเตอร์ลงทุนไทย
อีกสาขาหนึ่งที่ต้องการจะดึงการลงทุนเข้ามาก็คืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยต่อยอดในเรื่องของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในวันที่ 14 มี.ค.ที่จะถึงนี้หลังจากกลับมาจากสหภาพยุโรป (EU) ตนจะได้มีการหารือกับ จีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับเรื่องนี้ซึ่งก็เป็นโอกาสของประเทศไทยที่เราต้องแข่งขันกับเวียดนามที่ก็มีการดึงอุตสาหกรรมต่างๆเข้าไปลงทุนจำนวนมากเช่นกัน
ประเทศไทยก็มีเครื่องมือที่จะดึงการลงทุนไม่ว่าจะเป็นกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และกองทุน Matching Fund ซึ่งไปดูแล้วยังมีข้อจำกัดในการใช้จึงต้องปรับปรุงตรงนี้เพื่อให้สามารถใช้งานได้จริงและสามารถจะมีส่วนในการสร้างสตาร์ทอัพที่เป็นยูนิคอร์นให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้
“ตรงนี้เราต้องปรับMindset ใหม่ต้องมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของ R&D เป็นการพัฒนา และสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เหมาะสม ไม่ต้องทำให้เด็กไทยไปต่างประเทศ เด็กไทยที่เก่งๆให้ทำงานในประเทศเราได้ไม่ต้องไปสิงคโปร์ ซึ่งพวกนี้ต้องดูทั้งหมด กฎหมายที่เป็นอุปสรรค และภาษีที่ซ้ำซ้อนก็ต้องยกเลิกไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการทำงานและลงทุน” นายเศรษฐา กล่าว
ชี้โอกาสไทยเป็นศูนย์กลางการเงิน
สำหรับเรื่องของการเป็นศูนย์กลางของการเงินมองว่าประเทศไทยมีโอกาสที่ดีมากกว่าสิงคโปร์ และฮ่องกง ที่เป็นศูนย์กลางการเงินของภูมิภาค ปัจจุบันธนาคารพาณิชย์ของไทยมีกำไรอยู่ในระดับสูงและมีความแข็งแรง แต่ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ และการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ ประเทศไทยต้องมีความทะเยอทะยานมากกว่านี้ และศักยภาพของตลาดทุนไทยต้องไปได้ไกลกว่านี้ ต้องออกไปพูดคุย เชื้อเชิญให้บริษัทชั้นนำรายใหญ่ของโลกเข้ามาระดมทุนในไทย
ยกตัวอย่างเช่น กองทุนขนาดใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย คือ ซาอุดีอารามโกกำลังกระจายความเสี่ยงออกจากธุรกิจพลังงาน และกระจายเงินลงทุนไปในเอเชียประมาณ 2.3 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นจำนวนเงินมหาศาล หากประเทศไทยสามารถดึงเม็ดเงินเข้ามาในไทยได้ประมาณแค่ 10% ก็จะคิดเป็นเม็ดเงินที่เข้ามาในประเทศหลายหมื่นล้านบาท แต่หากเราไม่ไปพูดคุยเขาก็ไม่มา เราก็จะตกขบวนไป
นอกจากนั้นประเทศไทยยังไม่ได้มีแค่การระดมทุนที่เป็นสินทรัพย์แบบเดิมเท่านั้น แต่เรามีการเปิดช่องทางให้ทำในเรื่องของทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งเราสนับสนุนทั้งที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล และโทเคนดิจิทัล ซึ่งตรงนี้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแผนรองรับไว้แล้วทั้งหมด
นายเศรษฐากล่าวต่อด้วยว่าในการดึงการท่องเที่ยว และการลงทุนจำเป็นต้องทำให้ประเทศไทยมีความพร้อมในเรื่องศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั่วโลกให้เชื่อมถึงกัน ด้วยจุดแข็งทางภูมิศาสตร์รายล้อมไปด้วยประชากรกว่า 280 ล้านคน ติดอันดับ 5 ของประชากรโลก และมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการท่องเที่ยว ทำงาน ในทุกระดับ ทุกราคาที่เลือกได้
จ่อคิกออฟแผนอัพเกรดสนามบิน 1 มี.คนี้
ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และตนเองจะประกาศแผนอัพเกรดสนามบินทั่วประเทศ โดยเฉพาะสนามบินสุวรรณภูมิที่รัฐบาลต้องการให้เป็นสนามบินที่ติดอันดับโลกให้ได้ในระยะเวลา 4 ปี
โดยรัฐบาลมีแผนจะพัฒนาสนามบินให้รองรับการ Transit ของสายการบิน และเตรียมปรับเปลี่ยนเส้นทาง ตารางบินให้เหมาะสม เพื่อเพิ่ม Transit Capacity ให้สูงขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีระยะทางไปยังศูนย์กลางทางเศรษฐกิจได้ทั่วโลกใกล้กว่าประเทศเพื่อนบ้าน มีสนามบิน ทั้งเมืองหลัก เมืองรอง ที่พร้อมเป็น Home-base
และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเรื่องรันเวย์ อาคารผู้โดยการ คลังสินค้า สร้างระบบขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิ (Cold Chain) เพิ่มทรัพยากรบุคคล การตรวจความปลอดภัย เสริมคุณภาพการบริการทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมจะเป็น Homeland ของสายการบินทั้งไทยและสายการบินนานาชาติ เพียบพร้อมไปด้วยศูนย์ดูแลรักษา ซ่อมบำรุง ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค จะทำให้ภาคบริการ ภาคการขนส่ง โรงแรม การท่องเที่ยว อาหาร สินค้าเกษตร เติบโตไปยังตลาดโลก