'สมโภชน์' พร้อมนั่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 'เซ็ตซีโร่' สภาอุตฯ หนุนเศรษฐกิจไทย
“สมโภชน์” ลั่นพร้อมนั่งประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ชี้เศรษฐกิจไทยกำลังป่วย หากปล่อยรื้อรังเข้าขั้นวิกฤติ เร่ง “เซ็ตซีโร่” เชื่อมสัมพันธ์สมาชิก หวังเป็นแกนหลักจับมือภาครัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ระบุ จ่อเดินสายแสดงจุดยืนทำงานเชิงลุก โปร่งใส ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในฐานะเป็นสมาชิกและรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ตั้งใจลงสมัครประธาน ส.อ.ท. คนที่ 17 ในวาระนี้ (ปี 2567-2569) ถือเป็นอุดมการณ์ที่ต้องการรับใช้ชาติในฐานะภาคเอกชน โดยจะนำความรู้ ความสามารถและประสบการณ์การทำงานมาช่วยประเทศชาติในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ อนาคตจะเห็นส.อ.ท. ทำงานเชิงรุกด้วยยุทธศาสตร์ 4 ประการคือ 1. การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจของประเทศให้สอดประสานระหว่างภาครัฐกับเอกชน 2.สร้างพลังและเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกสภาอุตสาหกรรมทั่วประเทศ 3.ประสานภาครัฐให้ช่วยส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการรายย่อย-รายใหม่ในการผลิตสินค้าที่มีมูลค่า และ 4.นำเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ที่มีมาบูรณาการในเชิงรุกและเชิงรับทุกมิติ
"ผมอยากสร้างประโยชน์ให้สังคมและประเทศชาติ ผมเคยเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจนกระทั่งปัจจุบันทำหน้าที่บริหารธุรกิจในกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ต้องการนำเสนอไอเดียที่มีเพื่อให้เกิด Impact มากกว่าที่ทำอยู่ในปัจจุบัน เพราะเชื่อว่า ส.อ.ท.คือแกนหลักของประเทศ มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจให้เติบโตขึ้น"
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันอุตสาหกรรมไม่ควรอยู่ในสภาพตั้งรับควรอยู่ในเชิงรุก เนื่องจากโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงเร็วมาก แต่ละอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบแตกต่างกันออกไป มีทั้งที่ต้องการรับการส่งเสริมสนับสนุนหรือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงทำหน้าที่เป็นตัวแทนเชื่อมกับภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมให้บรรลุผลสำเร็จและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการแล้วยังตอบสนองภาครัฐให้บรรลุตามแผนยุทธศาสตร์ที่ตั้งไว้
ขณะนี้ บางอุตสาหกรรมเดิมแข่งขันไม่ได้ มีบางอุตสาหกรรมที่เป็นดาวรุ่ง ตนจึงจะเป็นสะพานเชื่อมหลายอุตสาหกรรมมารวมกันใครเดือดร้อนต้องช่วยกัน เพื่อให้เป็นรูปธรรม เพิ่มขีดความสามารถอุตสาหกรรมกับประเทศ สร้างมูลค่นเพิ่มในอุตสาหกรรม คนไหนเดือดร้อนก็ช่วย คนไหนแข็งแรงก็ทำให้ดีขึ้นเพื่อให้ฝนตกทั่วฟ้า จึงต้องการเดินไปข้างหน้าด้วยนโยบายและมียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน พร้อมผสานความเป็นปรึกแผ่นเพื่อมองไปข้างหน้าด้วยกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
"ผมพร้อมรับใช้ทุกคนและไม่เป็นนายใคร ทุกคนในส.อ.ท.ล้วนเป็นผู้บริหาร เป็นเจ้าของกิจการมีตำแหน่งไม่น้อยกว่ากัน จึงต้องมาร่วมทำงาน ร่วมแก้ปัญหาโปร่งใสไม่มีฝักมีฝ่าย"
นายสมโภชน์ กล่าวว่า หากวันนี้ไม่เสนอตัวเป็นประธาน ก็จะไม่มีโอกาสเสนอไอเดียให้สาธารณชน สมาชิกทราบ ถือเป็นเวทีให้ผู้สมัครแสดงไอเดีย เป็นเวลาที่ดี อยากเห็นส.อ.ท. ช่วยรัฐบาล ประเทศชาติสร้างเศรษฐกิจเติบโตยั่งยืนพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งประเทศไทยยังมีปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้ไม่สามรถแข่งขันได้เต็มที่ในเวทีระดับโลก
"คู่แข่งไทยขณะนี้ ทุกคนเห็นอยู่แล้วระดับรัฐบาลที่เถียงว่าวิกฤติหรือไม่วิกฤติ รากหญ้าหนี้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เครื่องยนต์แต่ละคลัสเอตร์ไม่แข็งแรง ถ้าเราไม่ทำให้แข็งแรงจะแก้ไม่ได้ รัฐบาลมีนโยบาย เช่น ซอฟต์พาวเวอร์ และอุตสาหกรรมเป้าหมาย เราก็จะทำเป็นนโยบายผลักดันร่วมกันกับสมาชิกที่มีโรงงานกว่า 1 หมื่นโรงาน ให้เครื่องจักรทันสมัยแข็งแรง"
ทั้งนี้ การจะประสบความสำเร็จต้องทำงานเชิงลึกและหนักแน่น ต้องใช้คนที่มีประสบการณ์ เสียสละ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ดังนั้น ถือเป็นจังหวะถ้าไม่ทำตอนนี้ อีก 2ปี มาทำก็ไม่ได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ที่ผ่านมานโยบายเสนอไปอาจจะไม่มีการดำเนินการ เช่น การลดค่าไฟฟ้า ยอมรับว่าราคาพลังงานเป็นต้นทุนของอุตสาหกรรมต้องแก้ปัญหาระยะสั้น กลาง และยาว ซึ่งบางบริษัทอาจได้ประโยชน์และบางบริษัทอาจเสียประโยชน์ จึงต้องสร้างความสมดุลเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้
"วันนี้ตั้งใจอยากเสนอไอเดีย หากอยากให้ไอเดียสำเร็จควรต้องกระจายทุกเซ็คเตอร์ ดังนั้นวันนี้เป็นโอกาส หากไม่แข่งขันลงสมัคร ใครจะมาเป็นก็ขึ้นอยู่กับสมาชิก นโยบายที่ดี อาจมาจากผู่สมัครแล้วมารวมกันอาจจะกลายเป็นนโยบายหลักก็เป็นไปได้ ผมถือเป็นบริษัทหนึ่งที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐบาล เป็นโอกาสว่าที่ผมได้รับการสนับสนุนตอนเป็นเอสเอ็มอี สมาชิกก็ควรได้รับโอกาสที่ดีด้วย หากเห็นว่าดีก็ทำ ถ้าใครเหมาะสมกว่าผมก็ยินดีสนับสนุน วันนี้ควรคุยให้สร้างสรรค์ว่าประเทศจะโตอย่างไรเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเป็นรูปธรรม"
สำหรับประเด็นเรื่องที่อาจจะมีคนมองว่าจะเกิดความขัดแย้งของการลงสมัครเลือกตั้ง ยืนยันว่าไม่ได้มาสร้างความขัดแย้ง ตนใช้โอกาสนี้เสนอความคิดเห็นให้สร้างสรรค์ เพราะประเทศวันนี้รอไม่ได้ ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเศรษฐกิจไม่ดี รอไม่ได้ คนเป็นมะเร็งขั้นที่1อาจแก้ได้ แต่ถ้าขั้น4อาจแก้ไม่ทัน ยืนยันไม่ทำให้ใครแตกแยกทุกคนเป็นพี่น้องหมด ต้องซัพพอร์ทสมาชิกทุกคนทั้งที่เลือกและไม่เลือก ยังเคารพคุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธาน ส.อ.ท. เหมือนเดิม ถ้ามีเจตนาให้ส.อ.ท.เดินไปข้างหน้าต้องเปิดใจ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ส.อ.ท.เกิดจากการรวมตัวของอุตสาหกรรมต่าง ๆ แต่จะมีกลุ่มหลายอุตสาหกรรมทุกคนจะดูแลในอุตสาหกรรมของตนเองเป็นหลัก เหมือนการเล่นดนตรีที่มีเครื่องเล่นหลายตัว แม้จะเล่นเป็นเพลงได้อาจจะไม่ไพเราะ หากมีคนคุมวงที่ดีก็จะไพเราะยิ่งขึ้น เพราะเป็นการลงมือทำจากอินเนอร์พร้อมจิตอาสาใจเป็นกลาง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ถ้าทำได้ ส.อ.ท.จะเป็นหนึ่ง ดังนั้น หลังจากนี้ก่อนเลือกตั้ง 25 มี.ค. 2567 นี้ จะลงพื้นที่เสนอไอเดียให้สมาชิก เพื่อให้รู้ว่าตนพร้อมที่จพทำงานเชิงลุก โปรงใส และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
"สิ่งแรกที่อยากทำคือคุยกับทุกคนและจัดลำดับความสำคัญของปัญหาว่าจะทำเรื่ออไหนก่อนที่จะเดินไปคุยกับรัฐบาล ถ้าเปิดใจ โดยจะเซ็ตซีโร่เรื่องความสัมพันธ์สมาชิก และพร้อมให้สมาชิกตรวจสอบในทุกด้าน"
นายสมโภชน์ กล่าวว่า จะมีการนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ในอนาคตต่อภาครัฐ อุตสาหกรรมแต่ละประเภทจะต้องเตรียมแผนทรานส์ฟอร์มธุรกิจเพื่อรองรับการแข่งขันในเวทีโลกทุกมิติ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ทันกติการะดับสากล ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน (BCG & ESG) และการมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลกในปัจจุบัน
“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ผมในฐานะสมาชิกและเป็นรองประธาน ส.อ.ท. ทำงานด้วยจิตอาสาโดยไม่ได้หวังผลตอบแทนหรือรับประโยชน์ใดๆ ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ผมอยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จึงขอเสนอตัวเข้ารับการคัดเลือกเป็นประธาน ส.อ.ท. เพื่อช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจไทยเติบโต อีกทั้งสามารถยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างแข็งแกร่ง"
นอกจากนี้ คนอื่นๆ ที่มีวิสัยทัศน์และความสามารถก็สมัครตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมได้ เพื่อนำเสนอสิ่งดีๆให้แก่ภาพรวมของอุตสาหกรรม และผู้ที่ได้รับเลือกเป็นประธานฯ ควรที่จะนำข้อเสนอไปขับเคลื่อนต่อให้เป็นรูปธรรม ที่สำคัญต้องสร้างความโปร่งใสในการทำงาน เป็นเวทีกลางที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน และกระจายอำนาจให้แต่ละกลุ่มมาช่วยกันทำงาน