เปิดปฏิบัติการฝนหลวง ปี 2567 รวม 16 หน่วย คลุม 77 จ.
เกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง 16 หน่วย ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ เติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำ ป้องกันไฟป่า แก้หมอกควัน ยับยั้ง PM 2.5
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 โดยมี นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเศรษฐเกียรติ กระจ่างวงษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ผู้บริหารในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารส่วนราชการในพื้นที่ เข้าร่วม ณ โรงเก็บเครื่องบิน 7 สนามบินนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์
โดยภายในงานมีการประกอบพิธีสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่เจ้าหน้าที่ จากนั้นประธานได้ตรวจแถวชุดปฏิบัติการฝนหลวง 9 ชุด และคล้องพวงมาลัยให้กับเครื่องบิน ผู้อำนวยการศูนย์ และหัวหน้านักบิน จำนวน 9 ชุด พร้อมกล่าวให้ขวัญและกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในทุกภาคส่วน พร้อมทำพิธีปล่อยคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติการไปประจำการแต่ละหน่วยทั่วประเทศ ซึ่งแสดงถึงความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยที่จะออกปฏิบัติการฝนหลวงในปีนี้
จากสถานการณ์ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพภูมิอากาศในประเทศไทยต่อภาคการเกษตรในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาหมอกควันและไฟป่า ปัญหาการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่มีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จัดทำแผนปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2567 จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 10 หน่วยปฏิบัติการทั่วประเทศ
โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาเป็นแนวทางในการดำเนินการป้องกันและบรรเทาช่วยเหลือความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติดังกล่าว
สำหรับในปี 2567 นี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมฝนหลวงฯ มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่าง ๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน ยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ที่เกินเกณฑ์มาตรฐาน
โดยกรมฝนหลวงฯ มีแผนในการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 16 หน่วย โดยตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 7 ศูนย์ และได้ปรับแผนในการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงในเดือนมีนาคม และเมษายน 2567 จำนวน 7 หน่วย โดยใช้อากาศยานรวมทั้งสิ้น 30 ลำ ได้แก่ อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 24 ลำ อากาศยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ จำนวน 6 ลำ ใน
การตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ดังนี้
1. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่
2. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดแพร่
3. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี
4. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี
5. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา
6. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดจันทบุรี
7. ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้
- หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 4 แห่ง ที่จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดระยอง อีกทั้งตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา กรมฝนหลวงฯ ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ช่วยเหลือพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้เพื่อบรรเทาป้องกันการเกิดไฟป่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองนาดเล็ก PM2.5 และเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำ
ในส่วนพื้นที่ภาคเหนือ ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2567 ช่วยเหลือบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 บริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ภายใต้การบูรณาการร่วมกันระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ และยังคงติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำไปวางแผนในการปฏิบัติการฝนหลวงอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แผนการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง อาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของสภาพภูมิอากาศ และพื้นที่ที่มีความต้องการน้ำของประเทศไทย เพื่อให้การปฏิบัติการฝนหลวงเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงฯ และขอรับบริการฝนหลวง ได้ตามช่องทางดังนี้ หมายเลขโทรศัพท์ 02-109-5100 ต่อ 410 หรือช่องทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, Instagram, Tiktok, Twitter : @drraa_pr และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 7 ศูนย์ทั่วประเทศ