ไฟเขียวงบฯพัฒนา 'นครชัยบุรินทร์' 500 ล้าน - ครม.สัญจร 4 ครั้ง อัดงบฯ1.6 พันล้าน

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.สัญจร จ.นครรราชสีมา ได้เห็นชอบผลการประชุมบูรณาการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาในพื้นที่กลุ่มจังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์) หรือกรอ.กลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์  รวม 24 โครงการ วงเงิน 496.15 ล้านบาท แบ่งเป็น การอนุมัติโครงการตามข้อเสนอจังหวัดและกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหลือตอนล่าง 1 รวม 16 โครงการ 249 ล้านบาท และโครงการของภาคเอกชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง  1 รวม 8โครงการ วงเงิน 247.15 ล้านบาท  

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้รับทราบตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ว่าที่ผ่านการประชุม ครม.สัญจร ได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการตามผลการประชุมบูรณาการรวมฯ ไปแล้ว 56 โครงการ วงเงินทั้งสิ้น 1,152.78 ล้านบาท ประกอบด้วย

1.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (หนองบัวลำภู อุดรธานี เลย หนองคาย บึงกาฬ)

2.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง ภูเก็ต กระบี่ ตรัง พังงา สตูล)

3.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 (พะเยา เชียงราย น่าน และแพร่) ในคราวประชุมครม.สัญจร ที่จ.หนองบัวลำภู  ระนอง และพะเยา ตามลำดับ ดังนั้น เมื่อรวมกับการประชุม ครม.สัญจรครั้งล่าสุด จ.นครราชสีมา ได้มีการอนุมัติไปทั้งสิ้น 80 โครงการ วงเงิน 1,648.93 ล้านบาท

ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้จัดทำรายงานผลความก้าวหน้าของการดำเนินการโครงการ ว่า ในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 มีโครงการของกลุ่มจังหวัดที่ผ่านการพิจารณา 25 โครงการ วงเงิน 299.80 ล้านบาท จัดสรรแล้ว 5โครงการ วงเงิน 43.21 ล้านบาท คงเหลือที่ต้องจัดสรร 20โครงการ วงเงิน 251.59 ล้านบาท ส่วนของภาคเอกชน 172 โครงการ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาความพร้อมและความคุ้มค่าของการลงทุน รวมทั้งจัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน

ขณะที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน รวมทั้งเห็นชอบในหลักการโครงการของกลุ่มจังหวัดและจังหวัด และโครงการที่เป็นข้อเสนอของภาคเอกชน 18 โครงการ วงเงิน 552.10 ล้านบาท  คงเหลือที่ต้องจัดสรร 13 โครงการ วงเงิน 350 ล้านบาท เป็นของภาคเอกชน 5 โครงการ วงเงิน 202.10 ล้านบาท

อยู่ระหว่างทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ส่วนกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 มี 13 โครงการ วงเงิน 300.88 ล้านบาท ความก้าวหน้าการดำเนินการ คงเหลือที่ต้องจัดสรร 9 โครงการ วงเงิน 155 ล้านบาท เป็นของภาคเอกชน 4 โครงการ วงเงิน 145.88 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ