สำรวจตลาดรถยนต์พบป้ายแดงโต 25%สวนทางยอดขาย “โตโยต้า”คว้าเบอร์หนึ่ง
ยอดจดทะเบียนรถป้ายแดงเดือนพ.ค. ปี67 ยังเติบโตต่อเนื่องถึง 25% โดยส่วนใหญ่เป็นรถยนต์สันดาปยี่ฮ้อโตโยต้า ขณะที่อีวี แม้จะมีสัดส่วนน้อยกว่ามากแต่ยี่ฮ้อ บีวายดีครองแชมป์ในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการขนส่งทางบกเปิดเผยสถิติการขนส่งปีงบประมาณ 2567 ประจำเดือนพ.ค. มีรถยนต์จดทะเบียนสะสม ณ 31 พ.ค. 2567 จำนวน 44,647,695 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล จำนวน 22,697,458 คัน รองลงมา รถยนต์นั่งไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) จำนวน 12,005,043 คัน และ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 7,087,571 คัน
สำหรับยอดจดทะเบียนรถยนต์ในเดือนพ.ค.มีจำนวน 255,772 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. 25.21% ซึ่งมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ที่ 204,273 คัน อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับเดือนเดียวกันปี 2566 พบว่า ลดลง 13.13%
ทั้งนี้ จำนวนรถเก๋ง ที่มีการจดทะเบียนใหม่ในเดือนพ.ค. 2567 จำนวน 43,196 คัน ในจำนวนนี้ ยอดจดทะเบียนสูงสุดคือ โตโยต้า 14,146 คัน ฮอนด้า 7,102 คัน อิซุซุ 6,347 คัน
ในส่วนยานยนต์ไฟฟ้ายอดจดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 พ.ค.2567 จำนวนทั้งสิ้น 635,692 คัน ในจำนวนนี้ เป็นยอดจดทะเบียนใหม่เฉพาะเดือนพ.ค. 2567 จำนวน19,561คัน ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์แบบ HEV (รถไฟฟ้าแบบไฮบริด) จำนวน 10,789 คัน รถยนต์แบบ BEV (รถไฟฟ้าแบตเตอรี่)จำนวน 8,068 คัน และ รถยนต์แบบPHEV (รถไฮบิดแบบเสียบปลั๊ก)
ในเดือนพ.ค. รถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ยี่ฮ้อ BYD มียอดจดทะเบียนสูงสุด 1,939 คัน ส่วนใหญ่เป็นรุ่น BYD Dolphin STD จำนวน 653 คัน รองลงมาคือรุ่น BYD ATTO3 จำนวน 569 คัน รองลงมาคือ DEEPAL จำนวน 711 คัน และ TESLA 384 คัน
ส่วนรถยนต์ไฟฟ้ายี่ฮ้อที่จำหน่ายได้ต่ำสุดคือ FOMM จำนวน 1 คัน รองลงมาอ VOLT จำนวน 3 คัน และ Chang an จำนวน 7 คัน อย่างไรก็ตาม สถิตินี้ไม่ได้รวมรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ยุโรปที่ยังอยู่ระหว่างเปลี่ยนผ่านจากเครื่องยนต์สันดาปไปสู่อีวี
นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในโอกาสเป็นประธานในพิธีเปิดโรงงานผลิตรถยนต์บีวายดี (BYD) และพิธีเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่คันที่ 8 ล้าน ณ โรงงานบีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง ว่า กลุ่มบริษัท BYD ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่รวมทั้งชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญรวม 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 35,000 ล้านบาท
สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนยานยนต์สมัยใหม่ เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์แห่งอนาคตของโลก โดยขับเคลื่อนเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle: ZEV) 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมด หรือ แผน 30@30 และการผลิตยานยนต์สมัยใหม่ที่มีคุณสมบัติสะอาด ประหยัด และปลอดภัย