'พลังงาน' จ่อขึ้นดีเซล 34 บาทต่อลิตร อุ้มกองทุนน้ำมัน ติดลบกว่า 1.1 แสนล้าน

'พลังงาน' จ่อขึ้นดีเซล 34 บาทต่อลิตร อุ้มกองทุนน้ำมัน ติดลบกว่า 1.1 แสนล้าน

"พลังงาน" จ่อขึ้นราคาน้ำมันดีเซล 1 บาท จากเดิมจะครบกำหนดกรอบเพดานราคาไว้ไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร เป็น 34 บาทต่อลิตร จับตา "พีระพันธุ์" ขยับขึ้นแบบขั้นบันได รักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมัน หลังติดลบกว่า 1.1 แสนล้าน   

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ความคืบหน้าในการกำหนดราคาน้ำมันดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2567 เป็นต้นไป ภายหลังครบกำหนดกรอบราคาไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดให้ตรึงราคาน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 20 เม.ย.2567 จะครบกำหนดวันที่ 31 ก.ค.2567 นี้นั้น

เบื้องต้นมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน จะมีการพิจารณาแนวทางในการปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลแบบทยอยขึ้นกรอบ 1 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาปลายทางระดับไม่เกิน 34 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ที่มีฐานะปัจจุบันฐานะ ณ วันที่ 7 ก.ค.2567 ติดลบที่ 111,595 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 63,944 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,651 ล้านบาท

แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง โดยในช่วงเดือนที่ผ่านมา แม้จะมีแนวโน้มที่ลดลงบ้างจนกองทุนน้ำมัน ลดอุดหนุนระดับ 4 บาทต่อลิตร และสามารถเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันสำเร็จ แต่ขณะนี้แนวโน้มกลับมาขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองทุนน้ำมัน ต้องอุดหนุนกว่า 2 บาทต่อลิตร ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าวหากไม่ปรับราคาหลังวันที่ 31 ก.ค.2567 อาจทำให้กองทุนน้ำมัน สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ในการจะพิจารณาแนวทางปรับราคา ตลอดจนเดือนมิ.ย.2567 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน กระทรวงพลังงานได้พยายามดำเนินการอีก 2 แนวทางเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ประกอบด้วย

1. การส่งหนังสือถึงสำนักงบประมาณ เพื่อขอใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็นช่วยเหลือราคาน้ำมันดีเซล 6,000 ล้านบาท และช่วยพยุงราคาก๊าซหุงต้ม (LPC) ภาคครัวเรือนอีก 500 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ถือเป็นไปตามที่ ครม.อนุมัติไว้ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมัน ดูแลราคาน้ำมัน และ LPG ไปก่อน แต่เบื้องต้นได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการว่า งบกลาง มีจำกัด อาจไม่สามารถนำมาดูแลราคาดีเซล และ LPG ได้ ทำให้สถานการณ์ และปัจจัยต่างๆ ที่คาดการณ์ไว้เกี่ยวกับการขอใช้งบประมาณไม่น่าจะดำเนินการได้

2. การเสนอขอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต ลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลงในอัตราที่เหมาะสม โดยเบื้องต้น จากท่าทีของกระทรวงการคลัง ก็ไม่ได้ตอบรับการว่าจะลดภาษีน้ำมันดังกล่าว ซึ่งก็ต้องเข้าใจถึงจำเป็นที่จะต้องจัดเก็บรายได้เข้ารัฐให้เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด

“จากสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ทำให้กระทรวงพลังงาน จะต้องค่อยๆ ปรับขึ้นราคาน้ำมัน เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมัน เพราะต้องอย่าลืมว่ากองทุนน้ำมัน จะต้องจ่ายทั้งดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเดือนละ 200-250 ล้านบาท และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้จะต้องเริ่มจ่ายเงินกู้ในงวดแรกๆ ที่กู้มาระดับก้อนแรกที่ 5,000 ล้านบาท จากยอดกู้รวมกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งหากจะต้องใช้กองทุนน้ำมัน อุ้มอยู่ฝ่ายเดียวก็คงจะไม่ไหว” แหล่งข่าวกล่าว 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์