‘เผ่าภูมิ’ โปรโมท ’หวยเกษียณ‘ สัญจร 4 ภาค จ่อขายงวดละ 5 ล้านใบ เริ่มปี 68
“เผ่าภูมิ” เดินหน้าโปรโมท “หวยเกษียณ” จัดสัญจร 4 ภาค ปักหมุดที่แรกหัวลำโพง คาดเสนอร่างกฎหมายเข้า ครม. ภายในก.ย. จำหน่าย 5 ล้านใบต่องวด เริ่มปี 68
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ปัจจุบันโครงการสลากสะสมทรัพย์เพื่อเงินออมยามเกษียณ หรือหวยเกษียณ อยู่ระหว่างกระบวนการแก้ไข พ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ โดยคาดว่าจะเสนอร่างกฎหมายกลับเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ภายในเดือน ก.ย. นี้ และเข้าสู่กระบวนการแก้ไขกฎหมายในสภา ซึ่งคาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะแล้วเสร็จและเริ่มจำหน่ายได้ในไตรมาส 1 ปี 2568
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง กอช. สำนักงานสลากฯ ผนึกกำลัง ลงพื้นที่เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ก่อนเริ่มใช้งานจริง รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อขัดเกลาให้ได้นโยบายที่ดีที่สุด โดยมีกำหนดการ ดังนี้ กรุงเทพ 31 ก.ค.2567 พังงา 14 ส.ค. 2567 สกลนคร 25 ส.ค. 2567 พิษณุโลก 28 ก.ย. 2567
"ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความรับรู้ให้ประชาชนถึงนวัตกรรมเชิงนโยบายใหม่ของรัฐบาล รวมทั้งรับฟังความเห็นเพื่อปรับเงื่อนไขให้ตอบสนองต่อความต้องการ ซึ่งหวยเกษียณนั้น ผู้ซื้อจะได้ประโยชน์ถึง 3 เด้ง คือ ได้ลุ้นล้านทุกวันศุกร์ ได้เก็บออมทุกบาทที่ซื้อหวย และได้ผลตอบแทนการลงทุนตลอดช่วงเวลาการออม"
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การเริ่มออมจากตัวเอง นับเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่ช่วยให้กลุ่มประชาชนที่อยู่นอกระบบแรงงาน หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ได้มีเงินไว้ใช้ในยามเกษียณ ไม่มากก็น้อย และต้องยอมรับว่า ปัญหานี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่มั่นใจว่า จะช่วยลดปัญหาคนไทยแก่แต่จนได้ในระดับหนึ่ง รวมทั้งช่วยลดภาระทางการคลังให้กับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
โดยกำหนดจำนวนการขายในช่วงแรกไว้ที่ 5 ล้านใบต่องวด ทั้งนี้ จำนวนนี้ยังยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการ หมายความว่า ถ้ามีความต้องการมากขึ้น เราจะกำหนดการขายสลากให้ต่ำกว่าความต้องการเล็กน้อย เพื่อให้สลากในงวดนั้นขายหมด
สำหรับรูปแบบของสลากจะเป็นแบบดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งประชาชนไม่สามารถเลือกตัวเลขหรือรูปภาพได้ ซึ่งเมื่อถูกรางวัล เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ส่วนหากใครไม่ถูกรางวัลเงินจะโอนเข้าบัญชีส่วนตัวในกอช.
ขณะที่รูปแบบเกมนั้น ตอนนี้กำลังหารืออยู่ว่าจะเป็นแบบไหน ซึ่งมี 3 รูปแบบ คือ 1.ตัวเลข 2.รูปภาพ หรือออกเป็นชื่อจังหวัดหรืออำเภอ ซึ่งแตกต่างจากสลากกินแบ่งรัฐบาลแน่นอน
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า การทำโครงการนี้ไม่กระทบภาระงบประมาณแต่อย่างใด โดยถ้าดูจากเงินรางวัล เรามีการออกรางวัล 2 ครั้ง โดยรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท 5 รางวัล และรางวัลที่ 2 จำนวน 1,000 บาท 10,000 รางวัล ทำให้จะใช้เงินทุกวันศุกร์ที่ออกรางวัล 15 ล้านบาท 4 สัปดาห์ก็ 60 ล้านบาท และ 1 ปีใช้เงินเพียงแค่ 700-800 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก หากเทียบกับจำนวนเงินที่รัฐบาลต้องดูแลผู้สูงอายุ