ลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต' ใกล้ 20 ล้านคน รัฐหวังเงินหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ

ลงทะเบียน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต' ใกล้ 20 ล้านคน  รัฐหวังเงินหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ

"จุลพันธ์" อัปเดตโครงการดิจิทัลวอลเล็ตลงทะเบียนแล้ว 18.8 ล้านคน ใกล้ 20 ล้านคน รัฐบาลหวังเห็นเงินหมุนกระตุ้นเศรษฐกิจ เตือนระวังแอป-ลิงก์ปลอม

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังเปิดเผยความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่เปิดให้ลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 8.00 น.ของวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าล่าสุดเมื่อเวลา 8.00 น.วันที่ 2 ส.ค.หรือผ่านไปประมาณ 24 ชั่วโมงมีผู้ลงทะเบียนในระบบเพื่อขอรับสิทธิ์แล้วประมาณ 18.8 ล้านคน ซึ่งระบบจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 15 ก.ย.2567

นายชัย วัชรงค์โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมการลงทะเบียนโครงการ Digital Wallet ในวันนี้ (1 สิงหาคม 2567) ว่า ตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 19.30 น. มียอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้วกว่า 16.2 ล้านราย ซึ่งหมายความว่า จะเกิดพายุหมุนลูกแรกที่เป็นกำลังซื้อสูงถึงระดับ 162,000 ล้านบาท ไหลเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในไม่ช้านี้ และจะเพิ่มขึ้นตามการลงทะเบียนประชาชน

ทั้งนี้ ในช่วงเปิดระบบช่วงแรก อาจมีผู้ใช้บางกลุ่มเข้าระบบลงทะเบียนไม่ได้ เนื่องจากมีข้อมูลของแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เวอร์ชันเก่าค้างในระบบ จึงขอแนะนำให้ผู้ใช้งานที่พบปัญหา ทำการลบแอปฯ เดิม และลงใหม่ เพื่อให้ระบบสามารถเรียกข้อมูลของแอปฯ ได้ถูกต้อง ส่วนกรณีการใช้งานระหว่างวัน อาจจะมีบางช่วงที่แอปฯ ตอบสนองช้าบ้าง แต่ระบบยังสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขณะเดียวกัน ระบบตรวจพบ และสามารถป้องกันธุรกรรมต้องสงสัย ที่อาจเข้ามาคุกคาม โจมตี แอปทางรัฐ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าจะรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์ ให้กับประชาชนผู้ลงทะเบียนได้เป็นอย่างดี

นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้เปิดให้ประชาชนผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”  และจุดให้บริการ Walk-in ของหน่วยงานรัฐ จำนวน 5,207 จุด ทั่วประเทศ นั้น

 

นายคารม กล่าวว่า จากการติดตามตรวจสอบสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลต่าง ๆ พบการกระทำต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมออนไลน์ ดังนี้

1.การจัดตั้งกลุ่ม หรือ แฟนเพจ Facebook แอบอ้างให้ความรู้ ข้อมูลเรื่องโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต โดยใช้บัญชีแอคเคาท์ที่ไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ 

2.การแชร์ และเผยแพร่ลิงก์ข่าวที่มีข้อมูลบิดเบือน ข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ 

3.การโพสต์ข้อความหลอกลวงให้ช่วยเหลือประชาชนในการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ

 

รัฐบาลย้ำเตือนประชาชน อย่าหลงเชื่อรูปแบบการหลอกลวงต่าง ๆ ที่แอบอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ โดยประชาชนผู้ใช้สมาร์ทโฟนที่สนใจเข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ต้องสมัครยืนยันตัวตน และลงทะเบียนด้วยตนเองในแอปฯ ทางรัฐ เท่านั้น

ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้โดยตรงจากแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับระบบปฏิบัติการของสมาร์ตโฟนดังนี้

 1.แอปพลิเคชัน “App Store” สำหรับระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS)

  2.แอปพลิเคชัน “Google Play” สำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) 

สำหรับประชาชนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน รัฐบาลได้เปิดจุดให้บริการ (Walk – in) สอบถามข้อมูล และให้บริการรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ดังนี้

1.ศูนย์ดิจิทัลชุมชน จำนวน 1,722 ศูนย์ทั่วประเทศ

2.ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 1,200 แห่ง ทั่วประเทศ (ยกเว้น ไปรษณีย์อนุญาต (เอกชน) และร้านค้าให้บริการ)

3.ธนาคารออมสิน 1,047 แห่ง ทั่วประเทศ

4.ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร    (ธ.ก.ส.) จำนวน 1,238 แห่งทั่วประเทศ  รวมจำนวนจุดให้บริการทั้งหมด 5,207 แห่งทั่วประเทศ

นอกจากนี้ประชาชนที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเตรียมการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งเป็นข้อมูลโดยตรงจากรัฐบาลที่เชื่อถือได้ ในเว็บไซต์ www.digitalwallet.go.th หรือ www.กระเป๋าเงินดิจิทัล.รัฐบาล.ไทย และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านศูนย์บริการข้อมูลโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet โทรสายด่วน Digital Wallet 1111 พร้อมให้บริการและคำแนะนำปรึกษาแก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง