อัปเดตล่าสุด 3 หน่วยงานเศรษฐกิจ ประเมิน ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ เพิ่ม GDP ไม่ถึง 1%
โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เป็นโครงการที่มีเม็ดขนาดใหญ่ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังให้เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ของหน่วยงานเศรษฐกิจ กลับประเมินว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้น GDP เพียง 0.6-0.9% เท่านั้น
KEY
POINTS
- โครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต เป็นโครงการที่มีเม็ดขนาดใหญ่ ซึ่งรัฐบาลคาดหวังให้เกิดพายุหมุนเศรษฐกิจ
- อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ของหน่วยงานเศรษฐกิจ กลับประเมินว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะกระตุ้น GDP เพียง 0.6-0.9% เท่านั้น
- รายงานเอกสารจากกระทรวงการคลังพบว่ามีการปรับลดผลต่อ GDP จาก 1.2-1.8% เหลือ 0.9%
โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิทัลวอลเล็ต ถือว่าได้เริ่มเปิดฉากแล้วในมุมของประชาชน หลังจากเมื่อวันที่ 1 ส.ค.2567 เวลา 08.00 น. เปิดระบบลงทะเบียนของกลุ่มประชาชนที่มีสมาร์ทโฟน ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งผ่านไปเพียง 24 ชั่วโมง มีคนเข้ามาลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 18.8 ล้านคน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าทุกคนที่ผ่านเงื่อนไขที่กำหนดมีสิทธิที่จะเข้าร่วม หากมีจำนวนผู้ลงทะเบียนถึง 50 ล้านคน ก็พร้อมจะจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ
ทั้งนี้ รัฐบาลคาดหวังว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่จากการใช้จ่ายในระดับอำเภอและการใช้จ่ายระหว่างร้านค้า ทำให้เกิดการหมุนเวียนของกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นทวีคูณ ก่อนที่จะสามารถเบิกเป็นเงินสดได้
อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นจากหน่วยงานเศรษฐกิจกลับมีการรายงานว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะมีผลกระตุ้นต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ที่ 0.6-0.9%
ขณะเดียวกันรายงานเอกสารจากกระทรวงการคลังล่าสุดพบว่ามีการประเมินผลโครงการว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.9% จากเดิมที่เคยระบุว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ 1.2-1.8%
สศช.ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้น GDP ได้ 0.6%
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวถึงการประมาณการผลทางเศรษฐกิจที่จะเกิดจาก โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า สศช.ยังคงประมาณการเดิมว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจประมาณ 0.6% ตามที่ได้ประมาณการไปก่อนหน้านี้
ซึ่งมาจากการประมาณการว่าเม็ดเงินจาก นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ลงสู่ระบบเศรษฐกิจทุกๆ 2 แสนล้านบาท จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้นได้ 0.3% ซึ่งหากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถจะเริ่มใช้และมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจได้ตั้งแต่ช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ก็ยังคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจปีนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ 0.3% และในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 ขยายตัวได้อีก 0.3% ตามกรอบระยะเวลาของโครงการที่ต้องมีการใช้จ่ายของประชาชนภายในระยะเวลา 6 เดือน
ส่วนถ้าหากว่าโครงการนี้ต้องเลื่อนออกไปเป็นใช้จ่ายได้ในเดือน ธ.ค.ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีคาดว่าผลต่อเศรษฐกิจจะไปอยู่ในไตรมาส 1 ปีหน้า ซึ่งก็ต้องมีการประเมินผลทางเศรษฐกิจจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตอีกครั้ง
ธปท.มองทั้งโครงการกระตุ้น 0.9%
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.มองว่าหากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตดำเนินการได้ภายในแผนเดือน ต.ค.ถึงสิ้นปี 2567 ผลบวกต่อเศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ 0.3%
รวมทั้งคาดว่าทั้งโครงการจะกระตุ้น GDP ได้ 0.9% แต่ต้องติดตามผลมาตรการระยะยาวว่ามีแค่ไหน รวมถึงฐานปีนี้ หากดิจิทัลวอลเล็ตหนุน GDP ไทยปีนี้สูงขึ้น ปี 2568 อาจเห็นผลบวกต่อเศรษฐกิจชะลอตัวลงเพราะจากฐานสูงปีนี้
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ประมาณการเศรษฐกิจแต่ละปีไม่เคยตรง พลาดเป้าแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 1% การคาดการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจของโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้นแต่ละหน่วยงานก็มีการตั้งข้อสมมุติฐานที่แตกต่างกัน ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนคนที่มาลงทะเบียน และพฤติกรรมการใช้งานด้วย ซึ่งสุดท้ายตัวเลขจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดู
ทั้งนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะไม่ได้เกิดประโยชน์ในแง่ของการเพิ่มเม็ดเงินทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการช่วยเหลือและบรรเทาค่าครองชีพประชาชนให้มีเงินในกระเป๋าในช่วงที่ยังมีรายได้ไม่มั่นคง และการส่งเสริมในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล พฤติกรรมการใช้จ่ายและการติดต่อกับภาครัฐที่จะเป็นรูปแบบรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) มากขึ้น