'คดีการเมือง' ฉุดความเชื่อมั่นระยะสั้น นักธุรกิจต่างชาติจับตาใกล้ชิด

'คดีการเมือง' ฉุดความเชื่อมั่นระยะสั้น นักธุรกิจต่างชาติจับตาใกล้ชิด

กกร.เผยนักลงทุนต่างชาติกังวลปัจจัยการเมืองไทยไม่นิ่ง หวั่นกระทบการตัดสินใจตั้งฐานผลิต ระบุแม้เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น แต่ฐานะภาคเอกชนต้องการความต่อเนื่องผลักดันนโยบายรัฐบาล

"คดีการยุบพรรคก้าวไกล" ได้ข้อสรุปหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์สั่งยุบพรรคก้าวไกลเมื่อวันที่ 7 ส.ค.2567 รวมทั้งตัดสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

รวมทั้งเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคผู้ถูกร้องตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560

นอกจากนี้ในวันที่ 14 ส.ค.2567 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้อง ของกลุ่ม 40 อดีตสมาชิกวุฒิสภา ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมองว่าปัจจัยด้านการเมืองเป็นปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยต้องยอมรับว่าการเมืองเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อมั่นที่นักลงทุนประเมิน และในช่วงเดือนส.ค.นี้ มีหลายคดีสำคัญทางการเมืองที่ต้องจับตาเชื่อว่านักลงทุนจะติดตามใกล้ชิด

ทั้งนี้ ประเด็นด้านการเมืองถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ และเป็นเรื่องปกติที่นักลงทุนจะต้องเผชิญจึงเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้น นักลงทุนต่างชาติน่าจะเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขให้ขณะนี้กลับเป็นเรื่องของโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

นักลงทุนต่างชาติเกาะติดคดีการเมือง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คดีการเมืองที่ตัดสินในเดือนธ.ค.2567 เป็นเรื่องที่นักลงทุนให้ความสนใจ แต่เป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก 

ดังนั้นนักลงทุนจะประเมินปัจจัยเหล่านี้ก่อนตัดสินใจลงทุน โดยภาคเอกชนต้องการเห็นการเมืองนิ่งไม่เป็นปัญหา และอุปสรรคต่อการตัดสินใจลงทุน เพราะปัจจุบันการค้าการลงทุนมีปัจจัยท้าทายหลายประเด็น รวมทั้งอาจเกิดสงครามในตะวันออกกลางที่เป็นผลกระทบอีก

“นักลงทุนต่างชาติหลายประเทศกังวลเรื่องการเมือง เช่น ยุโรป หลายประเทศโซนตะวันตก และเอเชียในบางประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมาโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลบ้าง จึงไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่หลายบริษัทกำลังจะย้ายฐานการผลิตจากจีน ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นโอกาสที่จะสร้างความเชื่อมั่น”

นายเกรียงไกร กล่าวว่า หลายโรงงานในจีนกำลังมองหาฐานการผลิตแห่งใหม่ ซึ่งตัดสินใจมาลงทุนในไทยแล้วกว่า 30 บริษัท และคาดว่ากำลังจะมาเพิ่มถึง 100 บริษัท ดังนั้นหากมาเจอการเมืองไม่นิ่งเช่นนี้อาจทำให้เปลี่ยนใจไม่มาตั้งฐานการผลิต ซึ่งถือได้ว่าตอนนี้อยู่ช่วงที่มีแรงกระตุ้นจากการไปโรดโชว์ของรัฐบาล ดังนั้นอยากให้เกิดการผลักดันที่ต่อเนื่อง ไม่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ส่วนกรณีการตัดสินคดีที่เกี่ยวเนื่องกับนายกรัฐมนตรี ต้องยอมรับว่านายกฯ เป็นผู้นำของประเทศ ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาก็ทำมาหลายอย่าง โดยเฉพาะเดินทางไปพบนักลงทุนทั่วโลก ทำให้เกิดการจูงใจนักลงทุน แต่หากจะให้ประเมินผลงานนายกฯ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมานั้น ถือว่ายังเร็วเกินไปที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม กกร.จึงอยากให้นายกฯ ทำงานเหมือนเดิม และเกิดความต่อเนื่อง

ชี้กระบวนการสภาเดินหน้าต่อได้

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นการกลั่นกรองจากพยานหลักฐาน และมีความชัดเจนในมติของศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์

ทั้งนี้ แม้การยุคพรรคก้าวไกล และกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง แต่ สส.ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยจะต้องหาพรรคการเมืองใหม่สังกัด ซึ่งต้องติดตามว่าจะเป็นพรรคการเมืองใด และมีเจตนารมณ์ใกล้เคียงพรรคก้าวไกลเดิมหรือไม่ 

รวมทั้งกรณีความเป็นไปได้ในการที่ สส.บางส่วนอาจย้ายไปพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล ซึ่งการวิเคราะห์จากภาพที่เห็นคาดว่า สส.ส่วนใหญ่ที่ยังยึดมั่นอุดมการณ์พรรคก้าวไกลน่าจะยังรวมกลุ่ม และย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ด้วยกัน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของกลุ่ม สส.อดีตพรรคก้าวไกลยังขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองได้

ดังนั้นด้านกระบวนการทางรัฐสภายังดำเนินการได้ตามปกติ ซึ่งต้องจับตาว่า สส.บางส่วนจะย้ายไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ส่วนนี้จะเป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าพรรคใหม่จะเป็นพรรคที่มีจำนวน สส.ในสภามากที่สุดหรือไม่ แต่กระบวนการทางรัฐสภาคงเดินหน้าตามปกติทั้งการพิจารณางบประมาณแผ่นดินยังทำได้ต่อเนื่อง

สำหรับเหตุการณ์การเมืองนอกสภา ประเมินเบื้องต้นว่ายังไม่รุนแรงหรือมีความวุ่นวายจากกรณีการประท้วงที่อาจทำให้ภาพรวมเกิดความกังวล เพราะที่ผ่านมาสัญญาณของการกดดันการทำงานของ กกต.หรือแม้แต่ก่อนการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์จะคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ

มั่นใจเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้

ทั้งนี้ หอการค้าประเมินว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าได้ตามปกติ น่าจะมีสัญญาณฟื้นตัวช่วงกลางไตรมาส 4 ถ้าสถานการณ์ปรับเข้าสู่ภาวะที่เหมาะสมและดีขึ้น ทั้งจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันยังไม่มีเหตุผลในการปรับประมาณการเศรษฐกิจลง เพราะกลไกภาครัฐเดินหน้าได้ปกติจึงไม่กระทบสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการสภาหอการค้าไทย กล่าวว่า การเมือง และการค้าเป็นเรื่องที่ต่างกัน โดยการค้าจะขับเคลื่อนได้ต้องเกิดความต่อเนื่อง และชัดเจน ดังนั้นขณะนี้ในฐานะภาคเอกชนต้องการให้เกิดการทำงานที่ต่อเนื่องมากกว่าการดูเรื่องตัวบุคคล

การเมืองไม่กระทบนโยบายลงทุน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองในประเทศไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติมากนัก เพราะที่ผ่านมาไทยเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หรือเปลี่ยนรัฐบาล หรือชุมนุมประท้วง แต่รัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารประเทศไม่เคยเข้าเปลี่ยนนโยบายเกี่ยวกับนักลงทุนต่างชาติ

“ตรงนี้ทำให้นักลงทุนต่างชาติมองว่าเป็นข้อดีของเมืองไทย แม้จะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองแค่ไหน แต่เราไม่เคยเข้าไปยุ่งกับนักลงทุนต่างชาติเลย ประกอบกับที่ไทยมีจุดแข็งมากมาย ทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่ดี แรงงานมีทักษะ และสิทธิประโยชน์ที่จูงใจ ทำให้ตอนนี้เราขายที่ดินไม่ทันด้วยซ้ำ”

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์