BOI หนุนชิ้นส่วนยานยนต์ไทย ดึงต่างชาติร่วมทุน นวัตกรรมกว่า 2.5 พันล้าน
"บีโอไอ" เคาะร่วมทุนระหว่างบริษัทไทย และต่างชาติในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สู่ Supply Chain ระดับโลก พร้อมอนุมัติมาตรการส่งเสริมกิจการขนส่งทางอากาศ รองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และหนุน "ดาต้า เซนเตอร์" ฮ่องกง กว่า 2.5 พันล้าน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ได้เห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทย และต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์”
เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย มีโอกาสในการร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยสามารถยกระดับเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง และตอบโจทย์ยานยนต์สมัยใหม่ได้
มาตรการส่งเสริมการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทย และต่างชาติในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จะครอบคลุมทั้งผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์แบบสันดาปภายใน และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า โดยแบ่งเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีที่ 1 โครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนใหม่ โดยเป็นการจัดตั้งนิติบุคคลใหม่หลังวันที่ออกประกาศ ต้องเป็นการร่วมทุนระหว่างผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และต่างชาติ โดยมีนิติบุคคลไทยถือหุ้นในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของทุนจดทะเบียน
- กรณีที่ 2 โครงการที่ได้รับการส่งเสริมอยู่เดิมในกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งเดิมเป็นหุ้นต่างชาติทั้งสิ้น และประสงค์จะร่วมทุนกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 30% ของทุนจดทะเบียน
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นที่เป็นนิติบุคคลไทยตามเงื่อนไขของมาตรการนี้ ต้องจัดตั้งมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี นับจนถึงวันยื่นคำขอ และต้องมีบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยถือหุ้นไม่น้อยกว่า 60% ของทุนจดทะเบียน โดยทั้งสองกรณี จะต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท และต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2568 สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ คือ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์ปกติอีก 2 ปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี กลุ่มผู้ประกอบการที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยกว่า 1,300 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น SMEs ที่ผลิตชิ้นส่วนในระดับ Tier 2-3 ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยปรับตัวและพัฒนาให้ก้าวทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว คือ การเปิดโอกาสให้มีการร่วมทุนระหว่างบริษัทไทยและผู้ประกอบการจากต่างประเทศ
ซึ่งจะทำให้เกิดความร่วมมือในด้านต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร การขยายเครือข่ายทางธุรกิจ การเพิ่มโอกาสในการใช้วัตถุดิบในประเทศ และจะช่วยสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และก้าวเข้าสู่ Supply Chain ในระดับโลกได้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบ “มาตรการส่งเสริมกิจการขนส่งทางอากาศ” ตามข้อเสนอของสมาคมสายการบินประเทศไทย เพื่อแก้ปัญหาภาวะการขาดแคลนเครื่องบิน ในขณะที่มีความต้องการเดินทางเพิ่มมากขึ้น โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการสายการบิน สามารถนำเครื่องบินที่เคยนำเข้ามาใช้แล้วในประเทศ
และต่อมามีการส่งออกไปต่างประเทศ กลับมาใช้ใหม่ในโครงการได้ โดยให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2568 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาภาระต้นทุนของผู้ประกอบการสายการบินที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในช่วงที่ผ่านมา และสนับสนุนการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้สามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นได้
สำหรับการอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ที่ประชุมได้อนุมัติส่งเสริมกิจการ Data Center ของบริษัทในกลุ่ม Oneasia Network Limited จากฮ่องกง เงินลงทุน 2,543 ล้านบาท ตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมของบริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) จังหวัดปทุมธานี โครงการนี้จะให้บริการ Data Center ระดับ Hyperscale - Tier 3
ที่ได้ ISO/IEC 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลด้านความมั่นคง และความปลอดภัยของข้อมูล รองรับกำลังการใช้ไฟฟ้าของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ (IT Load) ประมาณ 25 เมกะวัตต์ (MW) โดยบริษัท Oneasia เป็นผู้ให้บริการระดับโลก และมี Data Center ที่เปิดให้บริการแล้วในฮ่องกง จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์