แนวโน้มศก.ไทยปี 67 ขยายตัว ‘จีดีพี’ โต แต่ยังต่ำเป้าหมายที่ 3% 

แนวโน้มศก.ไทยปี 67 ขยายตัว ‘จีดีพี’ โต แต่ยังต่ำเป้าหมายที่ 3% 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 67 ขยายตัวเพิ่มจากคาดการณ์เดิมหลัง “คลัง” ขยับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยหลังพ้นไตรมาส 2 ปี 2567 คาดเศรษฐกิจทั้งปี ขยายตัว 2.7% จากเดิม 2.4% ชี้ 3 ปัจจัยหลักหนุน ภาคท่องเที่ยว ส่งออก และเบิกจ่ายงบประมาณ แต่ภาพรวมจีดีพีไทยยังต่ำกว่าเป้าที่ 3% 

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี 2567 เมื่อประเมินจากการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปี 2566 ที่ขยายตัวได้ 1.9% โดยสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดการณ์ว่าจีดีพีปีนี้จะขยายตัวประมาณ 2.5- 3% (ค่ากลาง 2.5%) ทั้งนี้ สศช.จะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาสที่ 2 ของปีนี้และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2567 ในวันจันทร์ที่ 19 ส.ค.ซึ่งต้องดูว่าแนวโน้มจะมีการปรับตัวเลขประมาณการจีดีพีอีกครั้งหรือไม่ 

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมีการตั้งเป้าหมายการทำงานขับเคลื่อนให้จีดีพีปี 2567 ขยายตัวได้ 3% ซึ่งนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่าจะพยายามผลักดันให้เศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ขยายตัวได้ถึง 3% ผ่านการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุน การผลักดันการลงทุนทางตรง(FDI)จากคำขอส่งเสริมการลงทุนที่มีอยู่ให้เกิดการลงทุนจริงอย่างน้อย 3 - 4 หมื่นล้านบาท 

ขณะที่กระทรวงการคลังได้มีการคาดหมายว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 2.7% โดยมี 3 ปัจจัยสนับสนุน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยผลประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2567 ว่า คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่ขยายตัว 1.9% ณ เม.ย. ที่ 2.4% 

เศรษฐกิจไทยได้รับแรงสนับสนุนเนื่องจาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

1.การส่งออกสินค้ามีสัญญาณขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ โดยคาดว่าจะขยายตัว 2.7% เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ 2.3% โดยอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าสำคัญขยายตัวได้ดีขึ้นโดยเฉพาะ สหรัฐอเมริกา จีน และยูโรโซน โดยมีการปรับตัวขึ้นของ GDP ประเทศคู่ค้า 15 ประเทศหลักที่ 3.2% เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 3.1%

 

2.จำนวน และรายได้ที่ได้รับจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงกว่าที่คาดการณ์ สะท้อนผลตอบรับที่ดีจากมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) ให้กับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีรายจ่ายต่อหัวสูง

โดยคาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36 ล้านคน ขยายตัวสูงต่อเนื่องที่ 27.9% ต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่ 35.7 ล้านคน และรายจ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวคาดอยู่ที่ 47,000 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้นจากประมาณการครั้งก่อนที่อยู่ที่ 44,600 บาท/คน/ทริป โดยรวมภาคการท่องเที่ยวทั้งปี 2567 คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 1.69 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.4% จากปีก่อน

3.การเบิกจ่ายภาครัฐที่ดีกว่าที่คาดการณ์จากการเตรียมความพร้อมเร่งเบิกจ่ายของภาครัฐ และมีทิศทางเร่งขึ้นต่อเนื่องในช่วงท้ายของปีงบประมาณ 2567 โดยคาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายได้ 3.24 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90% ของงบประมาณทั้งหมด แบ่งเป็นรายจ่ายประจำที่คาดว่าจะทำได้ 99.5% และรายจ่ายลงทุน 57.5% ส่วนรายจ่ายเหลื่อมปีและรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจคาดว่าจะอยู่ที่ 94% และ 95% ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามแม้กระทรวงการคลังจะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 2.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 3% ของ ครม.เศรษฐกิจ แต่ในความเป็นจริงจะต้องติดตามดูปัจจัยต่างๆที่จะเข้ามาเป็นปัจจัยท้าทายและฉุดรั้งเศรษฐกิจไทยในปีนี้เพิ่มเติม เช่น ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณภายหลังมีนายกรัฐมนตรี และครม.ชุดใหม่ รวมทั้งความต่อเนื่องของการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือต่อจากนี้

หากทำได้อย่างรวดเร็วและดีพอก็อาจทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่วางไว้ แต่หากทำได้ไม่ดีเศรษฐกิจไทยก็ยากที่จะขยายตัวได้ถึง 3% และถือเป็นอีกปีที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพเศรษฐกิจที่ควรจะเป็น