'แพทองธาร' ตุน 3 แสนล้านกระตุ้นเศรษฐกิจ เดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต-ดันลงทุน
“เพื่อไทย” ถกนโยบายรัฐบาลใหม่ “ทักษิณ” ยันจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน แจงดิจิทัลวอลเล็ตไม่ล้ม ด้าน “เศรษฐา” จ่อนั่งประธานที่ปรึกษาของนายกฯ เช็กแหล่งเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล “แพทองธาร” 3 แสนล้าน โยกทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตแจกเงินสดได้
KEY
POINTS
- แม้ว่าการจัดตั้ง "ครม.แพทองธาร1" ยังไม่แล้วเสร็จแต่พรรคเพื่อไทยได้มีการเตรียมการขับเคลื่อนนโยบายโดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจ โดยได้มีการเรียกหน่วยงานเศรษฐกิจไปหารือเพื่อเตรียมการแถลงนโยบายต่อสภาต่อไป
- อดีตนายกฯ “ทักษิณ” เผยจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วน แจงดิจิทัลวอลเล็ตไม่ล้ม
- แหล่งเงินกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล “แพทองธาร” 3 แสนล้านบาท จากงบประมาณปี 67-68 และงบกลางฯ เผยโยกทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที หากไม่ทำดิจิทัลวอลเล็ต สำนักงบฯ ชี้ไม่ขัดกฎหมาย ไม่ปิดทางแจกเป็นเงินสด
การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์นี้ถึงแม้พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคจะมีข้อขัดแย้งภายใน โดยนายกรัฐมนตรีประกาศที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และดำเนินนโยบายต่อเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ที่ได้เตรียมงบประมาณสำหรับดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากไม่ทำดิจิทัลวอลเล็ตนำงบประมาณที่มีอยู่ไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้
น.ส.แพทองธาร ได้ประชุมคณะทำงาน ประกอบด้วย แกนนำพรรค ทีมยุทธศาสตร์พรรค และทีมกฎหมาย เป็นวันที่ 2 ณ อาคารชินวัตร 3 โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร และนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมด้วย
สำหรับการประชุมครั้งนี้ น.ส.แพทองธาร และทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เชิญสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และหน่วนงานเศรษฐกิจร่วมประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมแถลงนโยบาย
รวมถึงหารือความเป็นไปได้ดำเนินนโยบายเรือธงพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะนโยบายแจก 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเล็ต
นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งในประเด็น น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวยอมรับว่า แน่นอนแต่ต้องมีคนช่วย ซึ่ง น.ส.แพทองธาร เน้นทำงานเป็นทีม ในพรรคทำงานเป็นทีมก็เอาคนจากพรรคมาช่วยหลายคน
“คงต้องช่วยกันคิดเพราะไม่ใช่เรื่องคนคนเดียวคิด ทำงานต้องเป็นทีม แต่ยอมรับว่าเป็นห่วงอยู่”
นายทักษิณ ตอบคำถามประเด็น น.ส.แพทองธาร ถูกมองว่า อาจมือไม่ถึง ว่า “ก็ดีเอ็นเอ เดียวกันหวังว่าคงจะได้”
นายทักษิณ ยังตอบคำถามถึงการปรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า นายกรัฐมนตรีกับฝ่ายเศรษฐกิจกำลังหารือแนวทาง ซึ่งต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ และต้องทำอย่างเร็วเพราะเศรษฐกิจไหลลง ยิ่งไหลลงเท่าไรยิ่งดึงขึ้นมายาก ตอนนี้กำลังวางแผนอยู่ หลังจากที่ทำงานได้แล้วคงจะสั่งการทันที
ส่วนมุมมองนายทักษิณ ควรทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตต่อหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า คำว่าดิจิทัลวอลเล็ตมี 3 เรื่อง คือ
1.การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำ
2.การให้ประชาชนมีโอกาสเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี เพื่อจะใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อไปข้างหน้า ซึ่งต้องทำต่อไป แต่ความเร่งด่วนอาจรอได้
3.คืออนาคต เมื่อวางโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้แล้วจะใช้ประโยชน์ได้กับประชาชนและประเทศ ให้ประชาชนกับรัฐบาลติดต่อเชื่อมกันได้ทางเศรษฐกิจ
“ถือเป็นช่องทางให้ประชาชนใช้ประโยชน์ทางธุรกิจผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นเรื่องเทคนิคที่ต้องมีต่อไป โดยเรื่องที่ 2 และ 3 รอได้แต่ 1 รอไม่ได้ สำหรับรูปแบบจะอิงเทคโนโลยีบ้างหรือไม่อิงบ้างก็ได้ แต่ต้องถูกกฎหมาย และไม่ขัดแย้งกับคนที่เห็นต่างมากเกินไป”
นายทักษิณ ย้ำด้วยว่า สิ่งที่สำคัญคือ รัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ประชาชนพอใจให้เร็วที่สุด นอกนั้นเป็นเรื่องทีหลัง วันนี้ปัญหาเร่งด่วนคือ ปัญหาหนี้สิน การไม่สามารถใช้จ่ายเงินได้ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก
“ทักษิณ” ยืนยันรัฐบาลพร้อมอัดฉีดงบ
เมื่อถามต่อว่า โครงการอาจเปลี่ยนแปลง แต่การอัดฉีดยังคงมีเหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า จะมีการอัดฉีด เท่าที่เห็นนายกรัฐมนตรีคุยกับฝ่ายงบประมาณ คือควรจะต้องทำ
เมื่อถามว่าหากเปลี่ยนเป็นการแจกเงินสด จะเป็นการตอบโจทย์ประชาชนมากกว่าหรือไม่ นายทักษิณ ระบุว่า ข้อดีของการแจกเงินสดคือเร็ว แต่ข้อเสียคือ กลัวจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เต็มที่
เมื่อถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีต้องระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องระวัง คือ ปัญหาของประเทศที่หมักหมม เป็นปัญหาใหญ่ปัญหาหนัก ซึ่งเรื่องเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องเล่น ชาวบ้านลำบากมาก
วันนี้เศรษฐกิจใต้ดินเป็นครึ่งหนึ่งของเศรษฐกิจบนดิน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน แสดงให้เห็นว่า โอกาสที่ถูกกฎหมาย ในการทำมาหากิน ถูกปิดมานาน คนก็เลยลงใต้ดินหมด วันนี้เศรษฐกิจใต้ดินใหญ่พนันออนไลน์ปีละ 5 แสนล้านบาท
สำหรับบทบาทของเขาในด้านเศรษฐกิจจะเข้ามาช่วยนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า ช่วยให้คำแนะนำ แต่การตัดสินใจเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรีและ ครม.
“เศรษฐา” พร้อมช่วยเหลือ “แพทองธาร”
ขณะที่บรรยากาศก่อนการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ที่ชั้น 9 อาคารชินวัตร 3 ได้มีคณะกรรมการบริหารพรรค แกนนำ สส. และสมาชิกพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อีกทั้งยังได้ร่วมกันอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าของ น.ส.แพทองธาร ในวันที่ 21 ส.ค.67 ด้วย
ในการประชุม สส.เพื่อไทยนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค กล่าวเปิดประชุม และเป็นตัวแทนสมาชิกพรรค กล่าวขอบคุณนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมขอให้ สส.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็ง ไม่ให้มีเรื่องใดมารบกวนการทำงานของฝ่ายบริหาร และการทำงานของหัวหน้าพรรค
จากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวถึงนายเศรษฐา ตอนหนึ่งว่า เป็นสุภาพบุรุษคนท็อปๆ ในชีวิตที่เธอรู้จัก และเคารพคนไม่ผิด และวันนี้เธอมีอีกหนึ่งหมวกคือ นายกฯ ซึ่งจะทำให้ดีที่สุด สุดความสามารถที่มี และขอกำลังกาย กำลังใจ แรงกายแรงใจ เพราะทำคนเดียวไม่ได้จริงๆ
เมื่อกล่าวจบนายเศรษฐา ได้กล่าวเปิดใจกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ถึงบรรยากาศตั้งแต่เข้ามาอยู่ในพรรคเกือบ 2 ปี ที่อาจทำให้หลายคนไม่สบายใจ แต่เป็นเพราะความด้อยประสบการณ์ ไม่ใช่เรื่องของการตั้งใจ และพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้ได้รับการยอมรับ
โดยตอนหนึ่งนายเศรษฐา ระบุว่า หากวันใดมีเวลาว่างก็จะมาร่วมประชุมพรรค และถ้าท่าน สส.คนไหนเดือดร้อนก็ยังมีมูลนิธิ ที่อาจจะไปช่วยเหลือได้บ้าง
“ผมยินดีที่จะช่วยอยู่ข้างหลังเต็มที่ ไม่ได้หายไปไหน และเป็นช่วงเวลาใหม่ที่นายกฯ คนใหม่ต้องเรียนรู้งาน และมีพวกเราเป็นกำลังสำคัญอยู่เบื้องหลัง มีหลายขั้นตอนที่เราต้องช่วยให้ผู้นำที่เป็นที่รักของเราทุกคนผ่านไปให้ได้ อย่างไม่มีปัญหา ผมเชื่อว่าเราทุกคนจะช่วยเต็มที่”
หลังกล่าวจบนายเศรษฐา ได้ไหว้ขอบคุณ ทำให้สมาชิกในที่ประชุมลุกขึ้นปรบมือให้ พร้อมกับที่น.ส.แพทองธาร ได้มอบช่อดอกไม้ให้นายเศรษฐา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายเศรษฐา ยังคงจะมีบทบาทในพรรค และรัฐบาลใหม่ โดยล่าสุด น.ส.แพทองธาร ได้ทาบทามให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งคาดว่านายเศรษฐาจะตอบรับการเทียบเชิญ
“แพทองธาร” ตุนงบกระตุ้น 3 แสนล้าน
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า รัฐบาลใหม่จะมีแหล่งเงินงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท โดยมาจาก 3 แหล่งงบประมาณได้แก่
1.งบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม วงเงิน 122,000 ล้านบาท โดยผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว และรอบังคับใช้
2.เงินงบประมาณจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2568 ซึ่งได้จัดทำงบกลางรายการการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจวงเงิน 152,000 ล้านบาท ที่เสนอโดยรัฐบาลชุดที่แล้วเพื่อรองรับการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากรัฐบาลปรับเปลี่ยนนโยบายนำงบประมาณส่วนนี้มาใช้จัดทำมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
3.งบประมาณกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นเร่งด่วน จากงบประมาณประจำปี 2567 ซึ่งเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีในการอนุมัติโดยผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งรัฐบาลชุดที่แล้วกันวงเงินไว้ 40,000-50,000 ล้านบาท เพื่อทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่การใช้งบประมาณส่วนนี้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต้องเร่งอนุมัติ และเริ่มเบิกจ่ายภายในเดือนก.ย.ทันที
นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยกรณีการปรับดิจิทัลวอลเล็ตเป็นการแจกเงินสด ว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหากไม่ผิดวัตถุประสงค์การกระตุ้นเศรษฐกิจก็แจกเป็นเงินสดได้แต่ขึ้นกับรัฐบาลใหม่ตัดสินใจ
ส่วนงบประมาณตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมวงเงิน 122,000 ล้านบาท รัฐบาลต้องใช้จ่ายให้เสร็จภายในเดือนก.ย.นี้ โดยเมื่อเข้าสู่การใช้จ่ายงบประมาณสามารถผูกพันงบประมาณไว้ได้ ซึ่งงบประมาณส่วนนี้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และอยู่ขั้นตอนการบังคับใช้
ขณะที่การจัดทำงบประมาณปี 2568 อยู่ขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา โดยสำนักงบประมาณยังไม่ได้จัดทำปฏิทินงบประมาณใหม่เพราะยังทันอยู่ตามกำหนดเดิมที่คาดว่าจะบังคับใช้ได้วันที่ 1 ต.ค.2567 โดยกรณีไม่ได้ ครม.ชุดใหม่ภายในเดือน ส.ค.นี้ จะไม่กระทบการจัดทำงบประมาณ เพราะเข้าสู่ขั้นตอนของคณะกรรมาธิการในวาระ 2-3 แล้ว
นอกจากนี้ ข้อเสนอของ สศช.กรณีโครงการที่จะเสนอใหม่ในปีงบประมาณ 2568 ที่เสนอให้มีโครงการรับมือเศรษฐกิจโลกสามารถดำเนินการได้ เพราะงบประมาณปี 2568 มีงบประมาณกลางรายการ การกระตุ้นเศรษฐกิจ 152,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นอำนาจรัฐบาลเสนอโครงการที่ไม่ผิดวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ
‘ฟิทช์’ ไม่ตัดความเสี่ยงการเมืองวุ่นวาย
สถาบันจัดอันดับเครดิตฟิทช์ เรทติ้งส์ (Fitch Ratings) เปิดเผยบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ และการเมืองไทยล่าสุดในที่ 20 ส.ค.2567 ว่า การที่รัฐสภาไทยลงมติเห็นชอบการการแต่งตั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” รวดเร็วจะช่วยรักษาความต่อเนื่องของนโยบายได้ แต่มีความเป็นไปได้ของการเมืองไทยที่ผันผวน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการกำหนดนโยบาย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อประเทศ
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ยังคงจุดยืนทางนโยบายต่อจากรัฐบาลเศรษฐา และเชื่อว่ามีความเสี่ยงต่ำที่การออกงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 จะล่าช้า เนื่องจากร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการบรรจุเข้าพิจารณาวาระที่ 2 และ 3 ในสภาผู้แทนราษฎรในเดือนหน้าแล้ว ก่อนที่จะส่งให้วุฒิสภาพิจารณา และมีการพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ต่อไป
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ระบุว่า รัฐบาลจะขอศึกษา และรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเสนอแจกเงิน 10,000 บาท ให้กับคนไทย 50 ล้านคน และรัฐบาลชุดก่อนประเมินว่ามีค่าใช้จ่ายประมาณ 2.4% ของจีดีพี ตลอดเวลา 2 ปีงบประมาณ
ฟิทช์มองว่า “การยกเลิก ปรับเปลี่ยน หรือเลื่อนออกไปล้วนเป็นไปได้ แต่คาดว่าจะต้องมีการกระตุ้นทางการคลังออกมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
ฟิทช์ เรทติ้งส์ เชื่อว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และการตอบสนองของสาธารณชนที่ค่อนข้างเงียบต่อการยุบพรรคก้าวไกล แสดงให้เห็นว่าโอกาสเสี่ยงที่ความไม่สงบทางการเมืองจะลุกลามนั้น “ยังอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้”
ทว่าก็ยังไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่จะมีความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มขึ้น และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ประสิทธิผลของการกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มการเติบโตอ่อนแอลง จนอาจนำไปสู่การปรับอันดับเครดิต “ในเชิงลบ” ตามมา
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์