“ดิจิทัลวอลเล็ต” มังกรย่อส่วน

โดยปรับเงื่อนไขให้เหมาะสมกับสถานการณ์ มีความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนรูปแบบมาแจกให้กับกลุ่มเปราะบางผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” ซึ่งความชัดเจนทั้งหมด จะมีขึ้นหลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน แถลงนโยบายต่อรัฐสภา รัฐบาลใหม่ก็จะได้เวลาทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์

การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่เร่งด่วนที่ “นายกรัฐมนตรี” จะให้ความสำคัญเป็น “ภารกิจแรก” เพราะเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องทำ โดยมีงบประมาณไม่น้อยกว่า 3 แสนล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท งบประมาณปี 2568 จำนวน 152,000 ล้านบาท ที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และงบกลางปี 2567 วงเงิน 40,000-50,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะต้องมีการเบิกจ่ายภายในวันที่ 30 ก.ย.2567

ซึ่งหากจะนำไปดำเนินการใน “โครงการดิจิทัลวอลเล็ต” หรือนำไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบอื่นๆก็สามารถทำได้เช่นกันโดยที่ไม่ผิดวัตถุประสงค์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ดิจิทัลวอลเล็ตคืออนาคต” เมื่อวางโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้แล้วจะใช้ประโยชน์ได้กับประชาชนและประเทศ ให้ประชาชนกับรัฐบาลติดต่อเชื่อมกันได้ทางเศรษฐกิจ รูปแบบจะอิงเทคโนโลยีบ้างหรือไม่อิงบ้างก็ได้ แต่ต้องถูกกฎหมายและไม่ขัดแย้งกับคนที่เห็นต่างมากเกินไป” นี่คือสัญญาณของ “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ส่งผ่านถึงรัฐบาลและประชาชนว่า “ดิจิททัลวอลเล็ต” ต้องทำต่อไป ซึ่งหากมีการเปลี่ยนรูปแบบเป็นการแจกเงินสดก็จะทำให้ถึงมือประชาชนอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความเป็นห่วงว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่เต็มที่

ก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้เสนอให้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต  สนับสนุนการแจกเงินให้กลุ่มแบบเฉพาะกลุ่ม (Targeted) โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 15 ล้านคน ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณ 150,000 ล้านบาทเท่านั้น

ซึ่งอาจจะกลายเป็นแนวทางที่รัฐบาลนำมาใช้โดยจัดสรรเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งแม้จะย่อส่วนลงยังไม่สามารถแจกได้ทั้งหมดตามเป้าหมาย แต่ก็จะเป็นปักหมุดเริ่มนับ 1 ในการเริ่มดำเนินการเป็นการจุดประกายให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจของกลุ่มเปราะบาง