‘ค่าไฟฟ้า - ดีเซล’ กดเงินเฟ้อ ส.ค.บวก 0.35% พาณิชย์ ชี้ราคาสินค้าลดต่อเนื่อง
สนค.เผยเงินเฟ้อเดือนส.ค.สูงขึ้น 0.35 % ผลจากราคาผักสด และผลไม้สดขยับสูงขึ้น จากน้ำท่วมเฉลี่ย 8 เดือน เงินเฟ้อสูงขึ้น 0.15 % คาดแนวโน้มเดือนก.ย.ยังสูงขึ้น คงเป้าเงินเฟ้อทั้งปี อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5 %
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือนสิงหาคม 2567 เท่ากับ 108.79 เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2566 ซึ่งเท่ากับ 108.41 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้นในอัตราชะลอตัวที่ 0.35 % ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสด และพลังงานออก สูงขึ้น 0.62 % เร่งตัวขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม 2567 ที่สูงขึ้น 0.5 2 % เฉลี่ย 8 เดือน (มกราคม – สิงหาคม) ของปี 2567 สูงขึ้น 0.15 %
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อเดือนสิงหาคม มาจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะผักสด และผลไม้สด เนื่องจากสถานการณ์ฝนตกหนัก และอุทกภัยในบางพื้นที่เพาะปลูก ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง รวมถึงข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว และอาหารสำเร็จรูป อาทิ กับข้าวสำเร็จรูป ข้าวราดแกง และอาหารตามสั่ง ราคาปรับสูงขึ้นเช่นกัน ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงาน (แก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า) ราคาปรับลดลง สำหรับราคาสินค้า และบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก
ทั้งนี้เงินเฟ้อเดือนสิงหาคม ที่สูงขึ้น 0.35 % มาจากสินค้าหมวดอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.83 % จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มอาหารสด อาทิ ผักสด มะเขือ พริกสด แตงกวา ผักกาดขาว มะนาว ผักบุ้ง กะหล่ำปลี ผลไม้สด เงาะ มะม่วง กล้วยน้ำว้า ฝรั่ง ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว นมสด และไข่ไก่ กลุ่มอาหารสำเร็จรูป กับข้าวสำเร็จรูป อาหารกลางวัน ข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง อาหารเช้า กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำหวาน และกลุ่มเครื่องประกอบอาหาร น้ำตาลทราย กะทิสำเร็จรูป ขณะที่ยังมีสินค้าอีกหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ เนื้อสุกร ส้มเขียวหวาน ปลาทู น้ำมันพืช และไก่ย่าง เป็นต้น
ขณะที่หมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม ลดลง 0.68 % จากการลดลงของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ทั้งแก๊สโซฮอล์ ค่ากระแสไฟฟ้า กลุ่มสิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาซักแห้ง น้ำยาล้างจาน กลุ่มค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล เช่น แชมพู สบู่ถูตัว ผลิตภัณฑ์ป้องกัน และบำรุงผิว ครีมนวดผม และกลุ่มเสื้อผ้า เช่น เสื้อยืดบุรุษ และสตรี กางเกงขายาวบุรุษ เสื้อเชิ้ตบุรุษ และสตรี อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาสูงขึ้น อาทิ น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ค่าเช่าบ้าน ค่ารถรับ-ส่งนักเรียน ค่าแต่งผมบุรุษ และสตรี และเครื่องถวายพระ เป็นต้น
นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกันยายน 2567 มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนสิงหาคม 2567 โดยปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ราคาน้ำมันดีเซลภายในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน (ผลกระทบจากอุทกภัยทำให้ราคาผักสด และผลไม้สดปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากแหล่งเพาะปลูกในบางพื้นที่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเป็นผลกระทบระยะสั้น และ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความไม่แน่นอนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญ รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งทางเรือปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้าภาคครัวเรือนอยู่ในระดับต่ำกว่าปีก่อนหน้าตามมาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐ ฐานราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง ประกอบกับราคาน้ำมันดิบดูไบในปัจจุบันมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างช้าๆ หรืออาจจะลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวระดับต่ำ และการลดราคาสินค้า และการแข่งขันในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกในประเทศ และการค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซ ทำให้สินค้าจำนวนมากปรับลดราคาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 อยู่ระหว่าง 0.0 – 1.0 % ค่ากลาง 0.5 % ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จะมีการทบทวนอีกครั้ง
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์