เปิดผลประชาพิจารณ์ 'กาสิโน' เสนอตั้งเกณฑ์ทุนไทยขั้นต่ำ 30%
"คลัง" เปิดเผยผลประชาพิจารณ์ พ.ร.บ.กาสิโน เสนอตั้งเกณฑ์ทุนไทยขั้นต่ำ 30% กำหนดใบอนุญาตไม่เกิน 7 ราย แนะตั้งกรอบนอมินีต่างชาติ หนุนตั้งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพทั้งภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน กรุงเทพฯ กำหนดพื้นที่เล่นกาสิโน 5-20%
นโยบายการสร้างเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล ได้กำหนดแนวทางการผลักดันธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรครบวงจร หรือ Entertainment Complex ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการไปตั้งแต่เดือน เม.ย.2567
รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปศึกษาจัดทำร่างกฎหมาย ควบคู่กับที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย และเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ
ล่าสุดกระทรวงการคลังได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... (ร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ) โดยเปิดให้รับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. – 18 ส.ค.2567
สำหรับร่างกฎหมายร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ มีทั้งหมด 9 หมวด 85 มาตราสาระสำคัญของการร่างกฎหมายเนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวและสถานบันเทิงหลากหลายประเภทไว้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และ ชาวต่างชาติ
ประเด็นสำคัญของร่างกฎหมายประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... กำหนดให้ “สถานบันเทิงครบวงจร” หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน และกำหนดให้ “กาสิโน” หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ
ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรต้องเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทย ที่มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นล้านบาท
และให้บริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับใบอนุญาตได้รับยกเว้นจากกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และมิให้นำความในมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และมาตรา 1105 วรรคสามแห่งประมวลกฎหมายแพ่ง และพาณิชย์ มาใช้บังคับ
สศค.ได้สรุปผลการรับฟังความเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับใบอนุญาต โดย "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
1.สัดส่วนของผู้ถือหุ้นของผู้ได้รับใบอนุญาต โดยเห็นว่าควรกำหนดให้สัดส่วนของผู้ถือหุ้นไทยอย่างน้อย 30-50% เพื่อสนับสนุนเอกชนไทยให้มีรายได้มากขึ้น รวมทั้งควรกำหนดให้เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดหรือบริษัทจำกัดมหาชนที่จดทะเบียนในไทย และป้องกันนอมินีต่างชาติ
2.กระบวนการคัดเลือกผู้รับใบอนุญาต ควรเปิดการประมูลโดยชอบธรรมและเปิดโอกาสให้ต่างชาติมาลงทุน
3.การเปลี่ยนแปลงกรรมการ ผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้น ไม่ควรกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี นั้น มีความยาวนานเกินไปอาจปรับลดเหลือ 10 ปี
ในขณะที่มีผู้แสดงความเห็นบางส่วนเห็นว่าการกำหนดใบอนุญาต 30 ปี สั้นเกินไป เมื่อเทียบกับการลงทุน เช่น ควรกำหนดให้มีอายุ 30 ปี และต่ออายุได้อีก 30 ปี หรือกำหนดให้มีอายุ 50-60 ปี รวมทั้งควรเริ่มนับใบอนุญาต 30 ปี นับจากเริ่มดำเนินกิจการ เพราะการก่อสร้างใช้เวลานาน
4.จำนวนใบอนุญาต ควรกำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.และไม่ควรกำหนดให้มีใบอนุญาตมากเกินไป เช่น ไม่เกิน 3-7 ราย รวมทั้งควรกำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ.ว่าแต่ละพื้นที่มีใบอนุญาตได้เท่าใด เช่น กรุงเทพฯ ไม่เกิน 2-3 ราย และนอกกรุงเทพฯ ไม่เกิน 5-7 ราย
5.สถานที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ควรกำหนดให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ. เช่น ต้องมีที่ตั้งนอกเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อกระจายรายได้ และควรกระจายไปภูมิภาคที่มีศักยภาพส่งเสริมการท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี ระยอง หัวหิน กรุงเทพฯ
6.ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ที่กำหนดไว้สูงเกินไปอาจทำให้มีผู้ประกอบการน้อยราย รวมทั้งควรเพิ่มค่าใบอนุญาตรายปี รวมทั้งไม่ควรกำหนดค่าธรรมเนียมในร่าง พ.ร.บ.เพราะใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี อาจไม่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
7.ค่าธรรมเนียมการเข้ากาสิโน กำหนดค่าธรรมเนียบสูงเกินไปสำหรับคนไทยจึงควรกำหนดไว้ที่ 1,000-2,000 บาท รวมทั้งควรกำหนดค่าธรรมเนียมรายปีด้วย 20,000-30,000 บาท
8.พื้นที่กาสิโน ควรกำหนดพื้นที่การเล่นเกมให้ชัดเจนและควรกำหนดอัตราส่วนในร่าง พ.ร.บ.ไว้ที่ 5-20% หรือกำหนดพื้นที่ตามสัดส่วนรายได้ของสถานบันเทิงครบวงจร และควรเปิดได้ตลอด 24 ชม.
9.สัญญาเช่า ไม่ควรอนุญาตให้ต่างชาติมาเช่าหรือถือครองที่ดินเกินกว่า 25 ปี
10.ทุนสำรอง ควรกำหนดให้มีทุนสำรองขั้นต่ำของผู้รับใบอนุญาต เพื่อเป็นการประกันการจ่ายเงินกับผู้เล่นพนัน และสร้างความเชื่อมั่นต่อธุรกิจกาสิโน