ส.อ.ท.เตรียมหั่นเป้าผลิตรถยนต์อีกแสนคัน เผยยอดขาย ก.ย.ต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี

ส.อ.ท.เตรียมหั่นเป้าผลิตรถยนต์อีกแสนคัน เผยยอดขาย ก.ย.ต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี

ส.อ.ท.เตรียมหั่นเป้าผลิตรถยนต์ลดลงเฉียด 1 แสนคัน หลังตัวเลขสะสม 9 เดือนแรกมีเพียง 1.1 ล้านคัน ยังห่างเป้าหมายปีนี้ 1.7 ล้านคัน ขณะที่ยอดผลิตเดือนก.ย.67 อยู่ที่ 122,277 คัน ลดลง 25.48% ส่วนขาย 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงจำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศ โดยระบุว่า สถิติการผลิตรถยนต์ 9 เดือน ระหว่าง ม.ค. - ก.ย.2567 มีจำนวนรวมรถยนต์ทุกประเภทอยู่ที่ 1.1 ล้านคัน เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีจำนวน 1.3 ล้านคัน ลดลง 18.62%

อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าจากสถิติสะสมการผลิตรถยนต์ดังกล่าว ยังห่างจากเป้าหมายที่ ส.อ.ท.กำหนดไว้ในปีนี้จะผลิตรถยนต์จำนวน 1.7 ล้านคัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องหารือเพื่อปรับเป้าหมายดังกล่าวลง โดยคาดว่าจะมีการประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในช่วงปลายเดือนนี้ และในเดือน ต.ค.2567 จะมีตัวเลขเป้าหมายใหม่ออกมา โดยเบื้องต้นอาจจะปรับลดลงหลายหมื่นคัน หรือเฉียดแสนคัน

ซึ่งเป็นการปรับยอดการผลิตทั้งในประเทศและส่งออก เนื่องจากในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การส่งออกรถยนต์ได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามตะวันออกกลางที่ขยายวงกว้าง ทำให้หลายประเทศคู่ค้ามียอดการขายภายในประเทศลดลง และระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่วนยอดขายภายในประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนที่สูงถึง 90% สถาบันทางการเงินปฏิเสธการให้สินเชื่อรถยนต์ 50 – 60% และยังไม่มีสัญญาณบวกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น

“สถานการณ์ผลิตรถยนต์ปีนี้ยังน่าเป็นห่วง เดิมเราตั้งเป้าผลิตเพื่อขายในประเทศ 5.5 แสนคัน อาจจะเป็นไปไม่ได้ อาจต้องปรับเป้าผลิตขายในประเทศ ด้านส่งออกหลายประเทศมียอดขายในประเทศลดลง ระมัดระวังการใช้จ่ายจากสงครามตะวันออกกลาง คงต้องปรับเป้าส่งออกด้วย ซึ่งภาพรวมก็น่าจะปรับลดลงหลายหมื่นคัน ถึงเฉียดแสนคัน”

ส.อ.ท.เตรียมหั่นเป้าผลิตรถยนต์อีกแสนคัน เผยยอดขาย ก.ย.ต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า จำนวนการผลิต ยอดขายภายในประเทศ และการส่งออกรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนก.ย. 2567 มีทั้งสิ้น 122,277 คัน ลดลงจากเดือนก.ย.2566 ประมาณ 25.48% ลดลงจากการผลิตเพื่อส่งออกลดลง 15.78% และผลิตเพื่อขายในประเทศลดลง 42.31% ตามจำนวนส่งออก และขายในประเทศที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนส.ค.2567 ประมาณ 2.17%

ในส่วนของการผลิตเพื่อส่งออก เดือนก.ย.2567 ผลิตได้ 87,666 คัน เท่ากับ 71.69% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนก.ย.2566 ประมาณ 15.78% ส่วนเดือนม.ค. - ก.ย.2567 ผลิตเพื่อส่งออกได้ 774,175 คัน เท่ากับ 68.63% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากปี 2566 ระยะเวลาเดียวกัน 4.42%

ด้านการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ในเดือนก.ย.2567 ผลิตได้ 34,611 คัน เท่ากับ 28.31% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนก.ย.2566 ประมาณ 42.31% และเดือนม.ค. – ก.ย.2567 ผลิตได้ 353,851 คัน เท่ากับ 31.37% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากเดือนม.ค. – ก.ย.2566 ประมาณ 38.57%

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนก.ย. 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 39,048 คัน ต่ำสุดในรอบ 53 เดือน หรือกว่า 4 ปี โดยลดลงจากเดือนส.ค.2567 ประมาณ 13.59% ลดลงจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อให้ผู้ซื้อรถยนต์เพราะหนี้ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ (SM) ยังอยู่ในระดับที่สูงที่ 208,575 ล้านบาท หนี้เสียรถยนต์อยู่ที่ 259.330 ล้านบาท ในเดือน ก.ค.2567

ประกอบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศไตรมาสสองปี 2567 ที่โตต่ำแค่ 2.3% และคาดว่า 2567 จะเติบโตแค่ 2.7 - 2.8% เท่านั้น และดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.2567 หดตัว 1.91% แสดงถึงรายได้คนทำงานยังคงอ่อนแอ และส่งผลให้ยอดขายในเดือนก.ย. 2567 ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 37.11%

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป ในรอบเดือนก.ย.2567 ส่งออกได้ 80,254 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 6.75% และลดลงจากเดือนก.ย.2566 ประมาณ 17.67% ลดลงจากการขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ จำนวนเที่ยวเรือลดลง และมีการใช้จ่ายลดลงในตลาดประเทศคู่ค้าหลายประเทศมียอดขายรถยนต์ลดลง จึงส่งออกลดลงทุกตลาดยกเว้นตลาดออสเตรเลียที่ยังเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ในเดือนก.ย.2567 ยังมียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 6,606 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน ปีที่แล้ว 25.81% ขณะที่ช่วง 9 เดือน มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 75,653 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 11.67% ส่วนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่มีจำนวน 9,403 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ย.ปีที่แล้ว 51% และในรอบ 9 เดือน มียานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน  104,197 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 59.27%

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์