'ภาคประชาชน' ยื่น 1.5 หมื่นชื่อหนุน 'กิตติรัตน์' นั่งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ
กลุ่มเครือข่ายประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรม ยื่น 1.5 หมื่นรายชื่อหนุน กิตติรัตน์ นั่งประธานบอร์ด พาฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ ธปท. “สมคิด” รับหนังสือส่งต่อ ธปท.คาดได้ข้อสรุปเลือกวันนี้ ยันรัฐบาลรับฟังความเห็นทั้งฝ่ายหนุนฝ่ายค้าน
วันนี้ (11 พ.ย.67) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรมนำโดย นายวิฑูร ลี้ธีระนานนท์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือสนับสนุนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมีนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นผู้รับหนังสือ
นายวิฑูร กล่าวว่า ตนเองเป็นตัวแทนของกลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรม ได้นำรายชื่อของประชาชนที่มีการลงชื่อกว่า 15,000 ราย มาเสนอให้กับคณะกรรมการคัดเลือกประธาน และกรรมการ ธปท.ผ่านทางรัฐบาลโดยขอสนับสนุนนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมองว่านายกิตติรัตน์ เป็นผู้มีความเหมาะสมทั้งคุณสมบัติ ประสบการณ์ และความรู้ ความสามารถ เป็นที่ประจักษ์
และคาดหวังว่าการเข้ามาทำหน้าที่ของนายกิตติรัตน์ นั้น นายกิตติรัตน์จะเข้ามาปรับปรุง และยกระดับการกำกับดูแลสถาบันการเงินของ ธปท. ให้ตอบโจทย์ประชาชน และเกิดการกู้ยืมที่เป็นธรรมมากขึ้น กว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
“เครือข่ายเชื่อมั่น และไว้วางใจการทำหน้าที่ของนายกิตติรัตน์ จึงรวมตัวเป็นเสียงบริสุทธิ์ ที่ออกมาสนับสนุนให้ได้ทำงาน พาบ้านเมือง และชีวิตประชาชนผ่านวิกฤติครั้งนี้”นายวิฑูร กล่าว
ส่วนประเด็นที่มีการคัดค้านว่าเป็นการเข้าไปแทรกแซงจากการเมืองนั้น นายวิฑูรย์ กล่าวว่า นายกิตติรัตน์ ไม่ได้มีการดำรงตำแหน่งทางการเมืองมามากกว่า 1 ปีแล้ว
ด้าน นายสมคิด กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายคัดค้านการนั่งประธานบอร์ด ธปท.ของนายกิตติรัตน์ ซึ่งเดิมทั้งสองฝ่ายจะเข้ามายื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ล่าสุดกลุ่มคัดค้านนายกิตติรัตน์ได้เดินทางไปยื่นหนังสือเองที่ ธปท.แล้วในช่วงเช้าของวันนี้
ทั้งนี้รัฐบาลพร้อมที่จะรับฟังทั้งสองฝ่ายทั้งที่สนับสนุน และคัดค้าน เปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่าย โดยในวันนี้ได้สอบถามจากผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นได้รับคำยืนยันว่าจะดำเนินการคัดเลือกให้แล้วเสร็จในวันนี้ โดยเรื่องนี้มีการยืดเยื้อมา 2-3 เดือนแล้ว ซึ่งตนเองจะนำเอาหนังสือ และรายชื่อส่งต่อให้กับ ธปท.ต่อไป
“รัฐบาลไม่ได้ไปบอกว่าเขาจะทำอย่างไร แต่จะรับเรื่องทั้งสองฝั่งไว้ ในรายละเอียดการคัดเลือกนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการ ส่วนที่ว่ารัฐบาลนั้นมีแนวความคิดอย่างไร นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่จะมีผู้ชุมนุมมานั้นรัฐบาลจะเตรียมการอย่างไร นายสมคิดก็บอกว่าเรื่องนี้คงไม่ต้องเตรียมอะไร หากมีการชุมนุมก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา เรารับฟังทุกเสียง และก็จะมีการพูดคุยเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหนังสือสนับสนุนนายกิตติรัตน์ ที่กลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคมส่งถึงคณะกรรมการคัดเลือกนั้นมีสาระสำคัญ ได้แก่ การสนับสนุน นายกิตติรัตน์ ณ ระนองให้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการ ธปท.เพื่อปรับปรุง และยกระดับการกำกับดูแลสถาบันการเงินของ ธปท.ให้ตอบโจทย์ประชาชน และเกิดการกู้ยืมที่เป็นธรรมมากขึ้น
โดยเครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรม ซึ่งประกอบด้วยประชาชนจำนวน 15,000 ราย จากทั่วประเทศดังที่ปรากฏรายชื่อในเอกสารแนบ สนับสนุนการสมัครเข้า ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการ ธปท. ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ด้วยเล็งเห็นว่าท่านเป็นผู้มีความรู้ และความสามารถ คุณสมบัติเพียบพร้อม มีความติดดิน มีผลงานการช่วยเหลือประชาชน และสังคมให้เป็นที่ประจักษ์ในหลายด้านทั้งด้านตลาดทุนตลาดหลักทรัพย์ การเงินการคลัง การกีฬา การเกษตร และการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
ทั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ ธปท. ปรับปรุงการกำกับดูแลระบบสถาบันการเงินไทยให้ดี และเหมาะสมขึ้น ไม่ใช่สถาบันการเงินจะมุ่งเน้นแต่การสร้างผลกำไร แต่จำเป็นต้องให้บริการทางการเงินแก่ประชาชนด้วยความรับผิดชอบ และเป็นธรรมมากขึ้น ถ้าพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าแนวปฏิบัติในหลายเรื่องจำเป็นต้องปรับปรุงให้เหมาะสม โดยส่วนที่สำคัญ
มีดังต่อไปนี้
(1) การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในภาพรวมให้ลดลง ผ่านมาตั้งแต่ปี 2563 ที่เกิดวิกฤติโควิด ถ้าพิจารณาสถาบันการเงิน 10 แห่งมีกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปี 2563 - 66 กำไร 1.32 1.75 1.92 และ 2.26 แสนล้านบาท และ 9 เดือนของปี 2567 กำไร 1.9 แสนล้านบาท ทั้งปี 2567คาดว่ากำไรจะสูงกว่าในปี 2566 ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นกำไรจากดอกเบี้ย ดังนั้นในภาวะที่หนี้ครัวเรือนของประเทศสูงเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศยังฟื้นตัวไม่ได้ดีนัก สถาบันการเงินสามารถที่จะปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่ลดภาระของประชาชน ซึ่งทำได้ในหลายจุด
อาทิ หนี้ข้าราชการที่เจ้าหนี้ใช้สิทธิหักเงินเดือน (payroll credit) ในช่วงที่ผ่านมาเจ้าหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ทยอยปรับลดดอกเบี้ยลง เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ทหารอากาศ 22 จาก 27 แห่งได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงจาก 6.25% ต่อปีเหลือ 4.75% ต่อปี สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกว่า 10 แห่งอัตราดอกเบี้ยก็ต่ำกว่า 4.75% ต่อปี ตามที่รัฐบาล และกรมส่งเสริมสหกรณ์ชี้เป้าว่าเหมาะสม สอดคล้องความเสี่ยง แต่อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เจ้าหนี้สถาบันการเงินคิดกับข้าราชการแทบยังไม่ปรับลด และยังอยู่สูงเกินความเสี่ยงมาก ในบรรดาที่ใช้สิทธิหักเงินเดือน สินเชื่อที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดคือ สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ ที่ MRR+5.5 = 7.45+5.5.5 = 12.945% ต่อปี
ประชาชนอีกกลุ่มใหญ่ที่ควรจะได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลงคือ ประชาชนที่ประวัติการชำระหนี้ดีต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของดอกเบี้ยในประเทศไทยที่ผู้มีประวัติการชำระหนี้ดีไม่ได้รางวัลอะไรจากการเป็นคนดีมีวินัย ในเรื่องนี้ ธปท. สามารถดำเนินการเช่นเดียวกับในต่างประเทศที่ Regulator จะกำหนดให้เจ้าหนี้ต้อง quote อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับผู้ที่มีประวัติชำระหนี้ดีต่อเนื่อง 12 หรือ 24 เดือนเป็นต้น มาตรการนี้จะทำให้ประชาชนได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลงสอดคล้องกับความเสี่ยง (risk based pricing) ปัจจุบันเจ้าหนี้มักจะกำหนดให้ลูกหนี้ส่วนใหญ่ทั้งที่มีประวัติดี และไม่ดีให้ได้รับดอกเบี้ยเท่ากันที่อัตราเพดานสูงสุดของแต่ละประเภทสินเชื่อ
(2) การคิดดอกเบี้ยกรณีที่ลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ค่างวดตามสัญญา แบ่งเป็น 2 กรณี
(2.1) การคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ (กรณีที่ไม่แจ้งเจ้าหนี้) เรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2563 ธปท. ได้แก้ไขเกณฑ์ว่าด้วยฐานที่ใช้คำนวณที่ให้คำนวณจากเงินต้นในค่างวดที่ผิดนัดชำระหนี้เท่านั้น เดิมเจ้าหนี้จะใช้เงินต้นคงค้างทั้งหมดมาคำนวณแม้จะผิดนัดงวดเดียว นอกจากนั้นยังได้แก้ไขการกำหนดอัตราดอกเบี้ยผิดนัดที่เจ้าหนี้จะปรับเพิ่มจากอัตราปกติไม่เกิน 3% ต่อปี การแก้ไขเกณฑ์ดังกล่าวส่งผลต่อเนื่องทำให้ในปี 2564 มีการแก้ไข ปพพ ม. 224/1ข้อจำกัดของการแก้ไขครั้งนั้นคือ จะใช้บังคับกับเฉพาะรายใหม่ที่เกิดหลังเกณฑ์มีผลใช้บังคับเท่านั้น กรณีที่เกิดก่อนหน้าปี 2563 ยังเดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในชั้นบังคับคดี
จึงขอเรียนมา เพื่อแสดงพลังสนับสนุน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ให้เข้าดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการ ธปท. เพื่อปรับปรุง และยกระดับการกำกับดูแลสถาบันการเงินของธปท.ให้ตอบโจทย์ประชาชน และเกิดการกู้ยืมที่เป็นธรรมมากขึ้น
ขอแสดงความนับถือ
เครือข่ายภาคประชาสังคมเพื่อการกู้ยืมที่เป็นธรรม
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์