"พาณิชย์" ถก " 70 โชห่วยต้นแบบ" รับมือการแข่งขัน
“นภินทร” ถก70 ‘ห้างท้องถิ่นต้นแบบ’ โชว์ห่วยขอช่วยพัฒนาผู้ประกอบการห้างท้องถิ่น เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการ-พันธมิตร รวมกลุ่มของห้างท้องถิ่นเพื่อทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ ด้านสมาคมค้าปลีกฯ เผย กำลังซื่้อชะลอ แนะรัฐแจกเงินหมื่นเฟส 2 จ่ายเพื่อการบริโภคเท่านั้น
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นแนวทางการพัฒนาธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ว่า กระทรวงพาณิชย์มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเชิญผู้ประกอบการ ‘ห้างท้องถิ่น’ ที่ผ่านการพัฒนาและยกระดับจากกรมฯ หรือ “ห้างท้องถิ่นต้นแบบ” จากทั่วประเทศ จำนวน 70 ราย ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย เหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ กลาง และภาคใต้ เข้าร่วมการประชุมฯ แลกเปลี่ยนมุมมอง ประสบการณ์การทำธุรกิจเพราะเป็นผู้ที่คลุกคลีอยู่ในพื้นที่ย่อมมองเห็นปัญหา อุปสรรค และโอกาสที่เกิดขึ้นในท้องถิ่นอย่างแท้จริง มากไปกว่านั้นจะได้รับฟังความคิดเห็นและความต้องการในการส่งเสริมธุรกิจค้าส่งค้าปลีกให้เข้มแข็งจากหน่วยภาครัฐ ซึ่งจะทำให้พัฒนาได้อย่างตรงจุด
ได้รับทราบความคิดเห็นจากทั้งมุมมองของสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และผู้ประกอบการห้างท้องถิ่น ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเด็นหลัก คือ 1.พัฒนาผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เช่น การอบรมให้ความรู้การทำธุรกิจ และการสนับสนุนเทคโนโลยีบริหารจัดการ ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้พัฒนาทักษะองค์ความรู้ผู้ประกอบการอยู่เสมอ หลายหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์มีหลักสูตรออนไลน์ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศโดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการคลังความรู้เพื่อการทำธุรกิจ และแพลตฟอร์ม DBD SMEs 360 ที่รวบรวมบริการด้านเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ประกอบการได้เลือกใช้บริการด้วยต้นทุนที่ถูกลง รวมทั้งมีกิจกรรมโครงการที่บ่มเพาะผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นผ่านการให้คำปรึกษาเชิงลึก ณ สถานประกอบการ เพื่อพัฒนาให้เป็นห้างท้องถิ่นต้นแบบที่มีการบริหารจัดการธุรกิจที่ได้มาตรฐานและมีความสามารถในการแข่งขัน
2. เชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการและพันธมิตร เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นที่ผ่านการพัฒนา รวมถึงเชื่อมโยงไปยังร้านค้าปลีก (โชห่วย) ในพื้นที่เพื่อสร้างเครือข่ายในท้องถิ่นที่เข้มแข็ง กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจที่เกื้อกูลซึ่งกันและกันเพื่อสร้างธุรกิจค้าส่งค้าปลีกเข้มแข็งทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนห้างท้องถิ่นที่ทำหน้าที่ “พี่เลี้ยงโชห่วย” ช่วยพัฒนาร้านค้าโชห่วยในพื้นที่ให้เป็น “สมาร์ทโชห่วย” ที่มีภาพลักษณ์ร้านค้าที่ดีและมีการใช้เทคโนโลยีในการบริหารจัดการร้านค้า เป็นต้น ร่วมมือกับห้างท้องถิ่นในการสนับสนุนสินค้าชุมชนให้มีพื้นที่จำหน่ายในห้างท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจัด “ตลาดพาณิชย์” ทั่วประเทศรวมถึงห้างท้องถิ่นเพื่อเพิ่มช่องทางการขายและเชื่อมโยงเครือข่ายผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก รายใหญ่ และผู้บริโภคในพื้นที่
3. การรวมกลุ่มของห้างท้องถิ่นเพื่อทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค กระทรวงพาณิชย์ได้ผลักดันประเด็นนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนสินค้า ขณะที่ซัพพลายเออร์ก็สามารถขายสินค้าได้ในปริมาณมากขึ้น เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่างห้างท้องถิ่นกับซัพพลายเออร์ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ลดค่าครองชีพของประชาชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยกรมฯ มีแผนรายปีร่วมกับห้างท้องถิ่นจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ พร้อมกับการสัมมนาสมาร์ทโชห่วยใน 4 ภูมิภาค รวมทั้งกิจกรรม Local Low Cost ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของห้างท้องถิ่นกว่า 90 ราย ร่วมกันจัดกิจกรรมลดราคาสินค้าพร้อมกันทั่วประเทศในอนาคตด้วย
“เรามีเป้าหมาย เพิ่มมูลค่าตลาดในธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีก เป็น 5.5 ล้านล้านบาท จากปัจจุบัน อยู่ที่ 3.6 ล้านล้านบาท ภายใต้ และการพัฒนา เอสเอ็มอี ที่เป็นรากฐานของประเทศ สู่เป้าหมาย การผลักดันให้ธุรกิจ SME มีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วน 40% ต่อ GDP ภายในปี 2570 จากปัจจุบันอยู่ที่ 35.2% “นายนภินทร กล่าว
นายนภินทร กล่าวว่า หลังการประชุมตนได้มอบเกียรติบัตรให้แก่ห้างท้องถิ่นที่ผ่านการพัฒนาในปี 2567 ท่ามกลางสักขีพยานที่เป็นรุ่นพี่ห้างท้องถิ่นต้นแบบที่ร่วมมาแสดงความยินดีและพร้อมจะแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาธุรกิจไปด้วยกันรวมทั้งมีการจัดแสดงบูธ Show Case ประกอบด้วย การขยายธุรกิจด้วยโมเดลร้านค้าโชห่วยค้าส่งท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยรักษาและเพิ่มฐานลูกค้าที่เป็นร้านค้าโชห่วยในระยะยาว การผลิตสินค้าภายใต้ตราสัญลักษณ์ของตนเอง (House Brand) เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มสัดส่วนกำไรให้กับกิจการ รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงด้วยการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีห้างท้องถิ่นที่สามารถพัฒนาไปสู่บริษัทมหาชนได้แล้ว จำนวน 3 ราย Show Case เหล่านี้จะช่วยจุดประกายความคิดให้ห้างท้องถิ่นต้นแบบไม่หยุดอยู่กับที่และยกระดับธุรกิจให้มั่นคงยิ่งขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันมูลค่าธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทยอยู่ที่ 3.64 ล้านล้านบาท โดยผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล มีจำนวน 22,935 ทั้งนี้ ผู้ประกอบการห้างท้องถิ่นที่สนใจสมัครเข้ารับการพัฒนาสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารโครงการ “พัฒนาห้างท้องถิ่นต้นแบบ” ได้ที่เว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ Facebook Page สมาร์ทโชห่วย หรือ โทร. 02 547 5986 กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ด้านนายสมชาย พรรัตนเจริญ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมกำลังซื้อของประชาชน ยังคงชะลอตัว ซึ่งภาครัฐ ควรเข้ามาช่วยเสริม ศักยภาพการค้าออนไลน์ รวมทั้งเติมกำลังซื้อ โดยกรณีที่รัฐบาลจะมีการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาการแจกเงินหนึ่งหมื่นบาทในเฟสที่ 2 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ว่า รัฐบาลควรกำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่ายเพื่อให้กระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นตามเป้าหมายเนื่องจากปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวกำลังซื้อยังไม่ฟื้นตัวแม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะมีการแจกเงินหมื่นในเฟสแรกมาแล้วแต่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากอย่างที่คิด เพราะคนที่ได้รับ นำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นมากกว่าการบริโภค เช่น การใช้หนี้ ทำให้ไม่เกิดการบริโภคและไม่ทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ โดยขอให้ใช้บทเรียนจากการแจกเงินเฟสแรกมาพิจารณา
โดยขอให้เน้นกลุ่มเปราะบาง ทั้งผู้มีรายได้น้อย ผู้ประกอบรายย่อย ร้านขนาดกลางขนาดเล็ก ซึ่งอาจเป็นการใช้จ่ายในรูปแบบคนละครึ่ง หรือผ่านโครงการร้านธงฟ้า เป็นต้นส่วนทุนขนาดใหญ่ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือเพราะสามารถช่วยเหลือตัวเองได้