'พีระพันธุ์' โยน 'กฤษฏีกา' ชี้ขาดรับซื้อไฟสะอาดเฟส2 คาดได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้

'พีระพันธุ์' โยน 'กฤษฏีกา' ชี้ขาดรับซื้อไฟสะอาดเฟส2 คาดได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้

"พีระพันธุ์"หารือกฤษฏีกากรณีเบรกรับซื้อไฟสะอาดเฟส2 กว่า 2 พลันเมกะวัตต์ คาดได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้ ประกาศตรึง "ค่าไฟ-ดีเซล" ให้ถึงที่สุด

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การเปิดประมูลโครงการรับซื้อพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน รูปแบบ Feed-in Tariff เฟสสอง รวม 3,600 เมกะวัตต์นั้น โดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้เปิดรับซื้อไฟฟ้าล็อตแรกรวม 2,180 เมกะวัตต์ จากผู้ที่เคยเข้าประมูลในโครงการเฟส 1 ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติ แต่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้มีสิทธิ์ยื่นเสนอขายไฟฟ้าก่อน จำนวน 198 รายนั้น 

ขณะนี้ทางกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างการหารือกับทางกฤษฎีกา เพื่อรอการตรวจสอบข้อเท็จจริงทางด้านกฎหมาย รวมทั้งจะต้องมีการรวบรวมข้อมูลตั้งแต่ปลายปี 2565 ว่า สามารถดำเนินการได้หรือไม่ หากสามารถดำเนินการได้ก็จะเดินหน้าต่อไป คาดว่าจะมีข้อสรุปก่อนสิ้นปีนี้ ขณะที่โครงการรับซื้อไฟฟ้าอีก 1,500 เมกะวัตต์ จะเปิดรับซื้อเป็นการทั่วไป

ขณะที่ในส่วนร่างกฎหมายน้ำมัน SPR หรือ Strategic Petroleum Reserve ระบบสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ อยู่ระหว่างการเตรียมนำเข้ารัฐสภาฯ ในต้นปี 2568 ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จ ก็จะทำให้กระทรวงพลังงานสามารถบริหารจัดการด้านน้ำมันได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ระบบ SPR จะเป็นแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันแบบที่สากลใช้กันในกลุ่ม IEA หรือองค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency) โดยใช้การบริหารกลไกราคาน้ำมันโดยใช้ปริมาณน้ำมันในสต็อก ซึ่งไม่ได้ใช้เงินในการอุดหนุนเหมือนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของเราที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยจะทำให้ไทยมีระบบสำรองน้ำมันเป็นของประเทศไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาคเอกชนอย่างเดียว

ของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนนั้นกระทรวงพลังงานจะตรึงค่าไฟไว้ที่ 4.18 บาทต่อหน่วยไปอีก 4 เดือน รวมทั้งจะตรึงราคาน้ำมันทั้งกลุ่มเบนซินและดีเซล อย่างไรก็ตามในส่วนของค่าไฟหากสามารถลดได้อีกกระทรวงพลังงานก็จะพยายามปรับลดลงแต่จำเป็นต้องใช้หนี้ค้างสะสมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ด้วย

นายพีระพันธุ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีและเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การบูรณาการเพื่อการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งมีความจําเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล เพื่อวางกรอบความร่วมมือในการบูรณาการทำงานคุ้มครองสิทธิผู้ใช้พลังงานเชิงรุก ให้ผู้ใช้พลังงานที่มีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลได้รับการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าในทุกกรณี

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความร่วมมือในการบูรณาการการทำงานเพื่อให้ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินกับพี่น้องประชาชนในฐานะผู้ใช้พลังงานเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่รัฐบาลและกระทรวงพลังงานให้ความสำคัญ ซึ่งจะต้องทำควบคู่กันกับความพยายามที่จะลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน และการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานด้านพลังงาน เพื่อให้การบริการด้านไฟฟ้าให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ

“การให้บริการด้านพลังงานเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน ประชาชนผู้ใช้พลังงานต้องได้รับเท่าเทียมกันทุกคนอย่างเป็นธรรม แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ การให้ความคุ้มครองสิทธิในการดูแลความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และขอเน้นย้ำเรื่องผู้ป่วยที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาลจะต้องไม่ถูกงดจ่ายไฟฟ้าทุกกรณี เพื่อให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยกลุ่มนี้เป็นศูนย์” นายพีระพันธุ์ กล่าว