'แอดวานซ์เทค' ประกาศกลยุทธ์รุกธุรกิจ Edge AI - IoT เจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

'แอดวานซ์เทค' ประกาศกลยุทธ์รุกธุรกิจ Edge AI  - IoT เจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

แอดวานซ์เทค ฉลอง 20 ปี เปิดธุรกิจในไทย ประกาศแผนรุก Edge AI ครอบคลุม 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ตอกย้ำผู้นำด้าน IoT และสมาร์ทซิตี้ ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมในไทย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน

บริษัท แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (Advantech Corporation (Thailand) Co., Ltd.) ผู้นำด้านโซลูชั่น AI, IoT และคอมพิวเตอร์เฉพาะทางระดับโลก เพิ่มจะจัดงานฉลองครบรอบก่อตั้งบริษัทในประเทศไทยครบ 20 ปี

ภายใต้ชื่องาน "Advantech Thailand 20th Anniversary Celebration" เพื่อเน้นย้ำถึงบทบาทของแอดวานซ์เทค ที่ช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและสร้างคุณค่าให้กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน

"ชอง เป็ง ชู" ผู้จัดการทั่วไป แอดวานซ์เทค คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) เผยถึงวิสัยทัศน์ในโอกาสครบรอบ 20 ปีของบริษัทว่า แอดวานซ์เทคกำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการมุ่งเน้นเทคโนโลยี Edge Computing และ AI เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ฉลาดยิ่งขึ้น ในปี ค.ศ.2025 บริษัทตั้งเป้าหมายชัดเจนในการพัฒนา Edge AI โดยครอบคลุม 5 กลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่

1.Edge Intelligent Systems

2.Energy & Utilities

3.Manufacturing 4.iHealthcare

และ 5.iSpace & iRetail

นอกจากนี้ แอดวานซ์เทคยังเป็นผู้นำด้าน IoT ด้วยแพลตฟอร์ม WISE-PaaS และ Edge AI ที่ช่วยประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยมีพันธมิตรอย่าง NVIDIA และ Google ร่วมสนับสนุนการพัฒนาซอฟท์แวร์ (Software)

 

“ในแง่ความยั่งยืน แอดวานซ์เทคให้ความสำคัญกับ ESG (Environmental, Social, and Governance) โดยตั้งเป้าหมายสู่การลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Zero) ภายในปี ค.ศ.2040 ผ่านการดำเนินงานที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะเติบโตขึ้น 2-3 เท่าใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยการนำ AI มาใช้ทั้งในองค์กรและส่งต่อความสำเร็จสู่ลูกค้า ตามปณิธานความมุ่งมั่นของแอดวานซ์เทคในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่ออนาคตที่ดีกว่า” ชอง เป็ง ชู กล่าว

ในช่วง Panel Talk ได้แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อหลักคือ บทบาทของ AI ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับธุรกิจภาคอุตสาหกรรม, การปรับตัวสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ด้วย Smart Manufacturing, การออกแบบ Smart City เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย และความสำคัญของ ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

เริ่มต้นด้วยประเด็นที่กำลังเป็นที่สนใจที่สุด ชอง เป็ง ชู กล่าวถึงความสำคัญของ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการจะต้องเริ่มต้นที่การวางแผนว่าจะใช้ AI ในขั้นตอนการผลิตใด โดยหลักแล้วจะนำ AI มาใช้ในรูปแบบ Vision AI เพื่อช่วยตรวจสอบคุณภาพสินค้า ตรวจตำแหน่งโลโก้ การเก็บข้อมูลด้านพลังงาน การอบรมพนักงานใหม่ และการคาดการณ์ปัญหาของเครื่องจักร เป็นต้น

\'แอดวานซ์เทค\' ประกาศกลยุทธ์รุกธุรกิจ Edge AI  - IoT เจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

สำหรับประเทศไทย แอดวานซ์เทคมุ่งเน้น 2 ด้านหลัก ได้แก่ Smart Manufacturing คือการนำ AI มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต เช่น การตรวจสอบคุณภาพสินค้า การจัดการจำนวนชิ้นงาน บรรจุภัณฑ์ และความปลอดภัย เพื่อเพิ่ม Productivity และลดความยุ่งยากในกระบวนการที่ซับซ้อน อีกส่วนคือ Smart City ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในด้าน Healthcare, Tollway และ Infrastructure

อย่างไรก็ตาม การใช้ AI ในการประมวลผลยังคงเผชิญความท้าทาย เพราะต้องใช้งบประมาณสูง แม้จะมีอุปสรรค แต่แอดวานซ์เทคยังคงมุ่งมั่นในการผลักดัน AI เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ธุรกิจและสังคมไทย พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน

เดินหน้าสนับสนุน Smart City

อีกส่วนที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือ การพัฒนา Smart City ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยเฉพาะการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงเทคโนโลยี IoT, AI และระบบดิจิทัล

เพื่อรองรับการเติบโตของเมืองและความต้องการของประชากรในอนาคต นิคม เดชขุนทด ผู้เชี่ยวชาญด้าน Smart City Advantech ได้กล่าวถึงความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทันสมัยในกระบวนการพัฒนานี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มคุณภาพชีวิตของประชาชน อย่างแรกเราต้องทำความเข้าใจองค์ประกอบสำคัญของ Smart City ก่อน เพราะ Smart City ไม่ใช่แค่โครงสร้างทางกายภาพ แต่เป็นการบูรณาการเทคโนโลยีและข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิต

ซึ่งประกอบด้วย Data: ข้อมูลที่แม่นยำและเชื่อถือได้ IoT (Internet of Things): การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่เก็บและส่งข้อมูล Real-Time Monitoring: การติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์ Connection: ระบบเชื่อมต่อที่ราบรื่นระหว่างคน โครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยี และส่วนที่กำลังจะเข้ามาเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดคือ AI (Artificial Intelligence): การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อวางแผนและตัดสินใจ

นิคม กล่าวต่อว่า แอดวานซ์เทคมีศักยภาพสูงในการสนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ด้วยผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ล้ำสมัย เช่น ระบบ Easy Pass Expressway ลดความแออัดบนทางด่วน อุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ และระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่าน IoT

ตัวอย่างความสำเร็จของสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่าการบูรณาการนโยบายที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยี และการวางแผนเชิงกลยุทธ์สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนได้ เช่น ระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกันอย่างราบรื่นและการจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ

ดังนั้น การพัฒนา Smart City ในไทยจึงไม่ใช่เพียงการนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือที่แข็งแกร่งและการวางแผนระยะยาว เพื่อสร้างเมืองที่ยั่งยืนและเหมาะสมกับการใช้ชีวิตในอนาคต

เดินหน้า ESG ลดการปล่อยคาร์บอนในองค์กร

ศศิวิไล จารุปราณ Senior Human Resource Executive  Advantech  กล่าวในหัวข้อ ESG ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนผ่านการเป็นสมาชิกของ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) และยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง ESG ซึ่งครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

\'แอดวานซ์เทค\' ประกาศกลยุทธ์รุกธุรกิจ Edge AI  - IoT เจาะกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

ด้านสิ่งแวดล้อม Advantech มุ่งลดการปล่อยคาร์บอนด้วยการตรวจวัดค่าคาร์บอนจากกิจกรรมองค์กร เพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดพลังงาน รวมถึงพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการรับรองจาก EcoVadis ด้วยเหรียญเงินในด้านการจัดการ ESG

ในด้านสังคมแอดวานซ์เทค มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และเสริมสร้างทักษะคนรุ่นใหม่ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในยุค AI ผ่านโครงการ UCC: University Co-Creation ร่วมกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อจัดการเรียนการสอนและสนับสนุนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกิจกรรม AIoT InnoWorks กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

เพื่อส่งเสริมการคิดค้นนวัตกรรมและทักษะที่ใช้ได้จริง แอดวานซ์เทคยังคงมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม พร้อมผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนในประเทศไทยและทั่วโลก เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ทุกคนในสังคม