ประโยชน์ประเทศไทย เป็นที่ตั้ง 'ศูนย์ระงับข้อพิพาทการลงทุนระหว่างประเทศ'
ส่องโอกาสประเทศไทยในการเป็นศูนย์ระงับข้อพิพาทการลงทุนระหว่างประเทศ ตามข้อเสนอของ UNCITRAL เผยไทยได้ประโยชน์ ช่วยส่งเสริมบทบาทและสถานะของไทยในเวทีโลก เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งดึงดูดการลงทุนและแรงงานทักษะสูงเข้าสู่เศรษฐกิจของไทย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าเมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ให้คําปรึกษาด้านการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ (Advisory Centre on International Investment Dispute Resolution: Advisory Centre) โดยเรื่องนี้ ครม.ให้คํานึงถึงประโยชน์และผลกระทบที่ประเทศไทยจะได้รับหากได้รับเลือก ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับเลือกเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์ให้คําปรึกษากระทรวงการต่างประเทศ จะดําเนินการขอรับการจัดสรรงบประมาณต่อไป
โดยสาระสำคัญเรื่องนี้เป็นการขออนุมัติในหลักการให้ประเทศไทยเป็นสถานที่ตั้งของ "ศูนย์ให้คําปรึกษาด้านการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ" โดยกระทรวงการต่างประเทศ จะแสดงความจํานงค์ดังกล่าวในการประชุมร่วม ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมาธิการกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (United Nations Commission on International Trade Law: UNCITRAL) ที่กระทรวงการต่างประเทศ ป็นเจ้าภาพการจัดประชุมเมื่อวันที่ 2 - 4 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพมหานคร
โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (United Nations General Assembly: UNGA) จะเห็นชอบสถานที่ตั้งศูนย์ให้คําปรึกษาดังกล่าวตามที่คณะทํางานที่ 6 (คณะกฎหมาย) ของ UNCITRAL เสนอ ในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า
โดยก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดประชุมเตรียมการฝ่ายประเทศไทยกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงพาณิชย์ (กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ) สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานอัยการสูงสุด สํานักงานศาลยุติธรรม และสถาบันอนุญาโตตุลาการ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อคํานึงถึงค่าใช้จ่ายที่ประเทศไทยต้องใช้ในการต่อสู้คดีที่เกี่ยวกับกฎหมายการลงทุนระหว่างประเทศในช่วงผ่านมา และเป็นโอกาสในการเสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐ ในการได้รับ การฝึกอบรมเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ หากประเทศไทยได้รับการเลือกให้เป็นที่ตั้งของศูนย์ให้คําปรึกษาจะต้องดําเนินกระบวนการภายใน เช่น การจัดหาสถานที่ที่เหมาะสม การพิจารณาหาแหล่งเงินและจัดเตรียมงบประมาณที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องลักษณะนี้คณะรัฐมนตรีได้เคยมีมติ (6 พฤศจิกายน 2561 และ 14 พฤษภาคม 2562) อนุมัติและเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งศูนย์บริการด้านธุรการระดับภูมิภาคของสหประชาชาติและศูนย์สมาคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพื่อผู้สูงอายุที่มีศักยภาพและนวัตกรรมมาแล้ว
ทั้งนี้ประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเป็นของศูนย์ให้คําปรึกษาด้านการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ ได้แก่
- บทบาทของประเทศไทยในฐานะประเทศสมาชิก UNCITRAL จะเป็นที่ประจักษ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการขับเคลื่อนงานที่เป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชาติ โดยการจัดตั้งศูนย์ให้คําปรึกษาจะช่วยรับรองและส่งเสริมความเป็นนิติรัฐของประเทศไทยในด้านการคุ้มครองนักลงทุน ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ
ทั้งนี้ หากดําเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง จะสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่สนับสนุน และส่งเสริมกลไกการระงับข้อพิพาทที่เป็นสากล รวมทั้งเพิ่มอํานาจต่อรองของประเทศไทย ในการพัฒนากฎหมายการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับการดําเนินนโยบายที่มุ่งมั่นจะทํางานร่วมกับนานาประเทศเพื่อส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงร่วมกัน และขยายบทบาทตามนโยบายของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางของที่ตั้งสํานักงานของสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศในภูมิภาค
2. ประเทศไทยจะเป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้เกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชนและกฎหมายการลงทุนระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของศูนย์ให้คําปรึกษาในการเสริมสร้างขีดความสามารถผ่านกิจกรรมความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศสมาชิกซึ่งในอนาคตจะนําไปสู่การยกระดับมาตรฐานของประเทศ รวมทั้งสมาชิกจะได้รับคําปรึกษา และบริการผู้แทนทางกฎหมายในอัตราค่าบริการที่ต่ำกว่าราคาตลาด และบุคลากรของหน่วยงานภาครัฐยังจะได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทด้านการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมหากเกิดคดีที่เกี่ยวกับกฎหมายการลงทุนระหว่างประเทศในอนาคต
ทั้งนี้ศูนย์ให้คำปรึกษาฯ เป็นองค์กรที่จะช่วยลดช่องว่างระหว่างประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา ในเรื่องทรัพยากรและความเชี่ยวชาญในการต่อสู้คดีด้านการลงทุนระหว่างประเทศ โดยไทยมีท่าทีสนับสนุนและพร้อมผลักดันให้สามารถจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวให้ได้โดยเร็ว การเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งนี้เป็นการช่วยขับเคลื่อนงานในกรอบสหประชาชาติ
ทั้งยังเป็นโอกาสของไทยในการแสดงความพร้อมและศักยภาพในการเสนอตัวเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของศูนย์ฯ ในอนาคต หากไทยได้รับเลือก ไม่เพียงแต่จะเป็นศูนย์กลางสำคัญของการให้คำปรึกษาทางกฎหมายการลงทุนแก่ประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ แต่จะยังช่วยส่งเสริมบทบาทและสถานะของไทยในเวทีโลก เพิ่มความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ รวมทั้งดึงดูดการลงทุนและแรงงานทักษะสูงเข้าสู่เศรษฐกิจของไทย