‘ซีไอเอ็มบีไทย’ชี้ นักลงทุนกลุ่มเวลท์ โยกเงินออมลงทุน ‘หุ้นสหรัฐ’ พุ่ง35%
“ซีไอเอ็มบีไทย” เผยนักลงทุน “กลุ่มเวลท์” โยกเงินออมลงทุน “หุ้นสหรัฐ” พุ่ง 35% รับอานิสงส์ “ทรัมป์” คว้าชัยตำแหน่งประธานาธิิบดีสหรัฐ คาดมีโอกาสสร้าง “ผลตอบแทน” ระดับสูง พร้อมเปิดกลยุทธ์ปี 68 อัด “เงินฝากดอกเบี้ยสูง” หนุนเพิ่มฐานลูกค้า
นายติยะชัย ชอง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Wealth & Preferred Segment ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า นับตั้งแต่ “โดนัลด์ ทรัมป์” คว้าชัยชนะประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานับตั้งแต่พ.ย. ที่ผ่านมา
พบว่านักลงทุนกลุ่มเวลท์มีการโยกเงินฝากออมทรัพย์ ออกไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 35% หากเทียบกับการลงทุนปกติ เนื่องจากมองว่า ทรัมป์มาจะเป็นโอกาสในการหาผลตอบแทนในการลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
เช่นเดียวกับกลยุทธการลงทุนของซีไอเอ็มบีไทยที่มองว่า การลงทุนในต่างประเทศ ทั้งหุ้น หุ้นกู้ Structured Notes หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดี โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐ ที่มองว่าในระยะยาวมีความน่าสนใจ
โดยหากดูจากค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปี พบการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเกิน 10% หากเทียบกับหุ้นไทยที่มองว่า ผลตอบแทนในช่วง 10 ปี มีผลตอบแทนติดลบ หรือเติบโตเพียง 1% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การลงทุนต้องมีลงทุนระยะยาว เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตในระยะสั้นๆ ตั้งแต่ 3-10 ปีขึ้นไป แต่การลงทุนต่างๆ ขึ้นอยู่กับการรับความเสี่ยงของนักลงทุนด้วย ว่ารับความเสี่ยงในการลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
สำหรับกลยุทธการลงทุนในระยะข้างหน้า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดี มองว่า ควรแบ่งพอร์ตเป็นลงทุนตลาดต่างประเทศที่ราว 60-65% ทั้งกองทุน หุ้นกู้ ตลาดหุ้น ขณะที่เหลือเป็นพอร์ตเงินฝาก และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีก 35%
สำหรับ กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งของธนาคาร จะโฟกัสไปในกลุ่มที่มีการทำธุรกรรมกับธนาคารมากขึ้น หรือเอคทีฟ โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ 10-30 ล้านบาทขึ้นไปที่มีการทำธุรกรรมกับธนาคารต่อเนื่อง และมีสินทรัพย์ภายใต้การพอร์ตบริหาร หรือ AUM อยู่ที่ราว 25-26% ของพอร์ต
ทั้งนี้ คาดการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่งปีหน้า เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ต่อเนื่องจากปีนี้ และคาดรายได้เติบโตราว 20% จากปีนี้ที่เติบโตแล้ว 35%
โดยที่ธนาคารจะรุกมากขึ้น คือโปรดักต์เงินฝาก สำหรับกลุ่มรายได้สูง ผ่านโปรดักต์เงินฝากออมทรัพย์ CIMB Preferred Savings ที่มียอดเงินฝากตั้ง 3-500ล้านบาท โดยให้ดอกเบี้ยสูงที่สุดในตลาดที่ 4 เดือนแรกที่2.2% และหลังจากนั้นดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 1.9%
อย่างไรก็ตาม การรุกโปรดักต์เงินฝากออมทรัพย์มากขึ้น ถือเป็นกลยุทธของธนาคาร ในการมุ่งเจาะลูกค้าใหม่และลูกค้ากลุ่มมั่งคั่งของธนาคารให้มากขึ้น เพื่อต่อยอดไปสู่การลงทุนในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ที่ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาคือการให้โปรดักต์เงินฝากพิเศษสูงกว่าดอกเบี้ยปกติของธนาคาร สำหรับรายบุคคล สำหรับลูกค้าที่มีการฝากเงินต่อเนื่อง
“ปีหน้าเป้าหมายของเราคือโฟกัสไปในกลุ่มเวลท์มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพสูง เช่นกลุ่มที่มีสินทรัพย์ หรือเงินฝาก10-30ล้านบาท ที่จะเป็นทาร์เก็ตที่ธนาคารจะเข้าไปเจาะมากขึ้น ดังนั้นคาดว่าพอร์ต AUM ปีหน้าน่าจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องได้เกิน 10%”
สำหรับ ผลการดำเนินงานในกลุ่ม “ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง” (Wealth Management) ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 มีอัตราการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 10% มียอด AUM ราว 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็น เงินฝาก 35% และพอร์ตการลงทุน 65% และมีฐานลูกค้าราว 1 แสนราย มีอัตราการเติบโต 11%
ขณะที่รายได้จากธุรกิจเติบโตถึง 35% และรายได้จากธุรกิจประกันเติบโตขึ้นกว่า 37% ในช่วง 10 เดือนแรกของปี เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ภายหลังจากร่วมมือกับ บริษัทพรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) เป็นปีแรก