กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แกว่งตัวขึ้น แรงหนุนจากในประเทศชัดเจนมากขึ้น

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ : บล.เคจีไอฯ แกว่งตัวขึ้น แรงหนุนจากในประเทศชัดเจนมากขึ้น

น่าจะฟื้นตัวได้บ้างจากปัจจัยการเมืองที่ดีขึ้น และแรงหนุนจากตลาดหุ้นฝั่งสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่แล้ว (18-22 พฤศจิกายน) ตลาดหุ้นไทยย่อลงมาพอสมควร ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดเอาไว้ เนื่องจากปัจจัยดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก ตลาดหุ้นใช้เกณฑ์ ‘cash balance’ ระดับที่ 1 กับหุ้น DELTA* ส่งผลให้หุ้นไทยปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้ เนื่องจากมูลค่าตลาด (market cap) ของ DELTA มีน้ำหนักมากถึงเกือบ 12% ของทั้งตลาด การที่หุ้น DELTA ปรับลดลงจึงส่งผลกระทบต่อดัชนี SET แต่ยังดีที่ตลาดยังพอมีแรงหนุนจากการที่นักลงทุนเปลี่ยนกลุ่มเล่นไปยังหุ้นหลักอื่นอีกสองสามตัวแทน

ปัจจัยที่สอง ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังไม่นิ่ง ได้แก่ i) ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจจากว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ii) ปฏิบัติการทางทหารระหว่างยูเครน และ รัสเซียทวีความเข้มข้นมากขึ้น และ iii) ภาวะตลาดหุ้นจีนยังเปราะบางเพราะนักลงทุนยังไม่ค่อยมั่นใจกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบล่าสุดของจีน

สำหรับในสัปดาห์นี้ (25-29 พฤศจิกายน) เราคาดว่าดัชนี SET น่าจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง โดยจะได้แรงหนุนจากปัจจัยการลงทุนดังต่อไปนี้

ปัจจัยแรก เราคิดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อหุ้น domestic play น่าจะเพิ่มขึ้นหลังจากที่ศาลไม่รับ
พิจารณาคดีของคุณทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย และ กระแสข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดเผยรายละเอียด
ของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 12 ธันวาคม 2567 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2568

ปัจจัยที่สอง เราคาดว่าแรงขายหุ้น DELTA น่าจะคลายลงเพราะตลาดตอบรับเกณฑ์ cash balance ไปแล้ว ในขณะที่ภาพรวมของอุตสาหกรรมยังคงเป็นบวกจากแนวโน้ม data center และ AI อย่างไรก็ตามเราไม่คิดว่าตลาดจะวิ่งได้แรง เพราะกระแสเงินลงทุนในหุ้นจากต่างชาติยังค่อนข้างอ่อนแอท่ามกลางกระแสความกังวลเกี่ยวกับตลาด EM ก่อนที่ Trump จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ

 

 

 

ติดตามนโนยบายเศรษฐกิจของ Trump, ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐ และ ความคืบหน้าของมาตรการ
กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

ปัจจัยต่างประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ความเคลื่อนไหวทางการเมืองสหรัฐจากนาย Donald Trump
ซึ่งกำลังเลือกผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในรัฐบาลของเขา โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่าเขาเลือกนาย Scott Bessent นักการเงินผู้มีแนวคิดสนับสนุนตลาดหุ้น Wall Street ให้มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (treasury secretary) ของสหรัฐ ii) ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ อย่างเช่น อัตราเงินเฟ้อ PCE เดือนตุลาคมในวันที่ 27 พฤศจิกายน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความคาดหวังในการตัดสินนโยบายดอกเบี้ยของ Fed

ปัจจัยในประเทศ: นักลงทุนควรติดตาม i) ข่าวนโยบาย และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะมีออกมามากขึ้นหลังจากที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญไม่รับพิจารณาคดีของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และ พรรคเพื่อไทย ii) ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนตุลาคมจากธปท. ในวันที่ 29 พฤศจิกายน

 

 

 

 

เกาะกับธีมการลงทุนหลักของเราในกลุ่ม commerce, ไฟแนนซ์ และ นิคมอุตสาหกรรม 

เรามองบวกมากขึ้นเล็กน้อยกับแนวโน้มดัชนี SET สัปดาห์นี้ เนื่องจากปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น อย่างน้อยก็ในระยะสั้น และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะประกาศออกมา อย่างไรก็ตาม เรามองว่าดัชนีมี upside จำกัดเนื่องจาก i) หุ้น DELTA* อาจจะยังผันผวนอยู่ และ ii) ความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้า 2.0 หลังจากที่ Trump เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยช่วงนี้ นักลงทุนควรเกาะกับธีมการลงทุนหลักของเรา อย่างเช่น หุ้นกลุ่มที่จะได้อานิสงส์จากมาตรกากระตุ้นการบริโภคที่จะประกาศออกมาเพิ่มเติม (CPALL*, CPAXT, CPN*), นิคมอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงส์จากกระแสการย้ายฐานFDI (AMATA*) และ กลุ่ม non-bank finance ซึ่งจะได้อานิสงส์จากมาตรการของรัฐที่จะบรรเทาภาระหนี้ครัวเรือน (SAWAD*)