ราคาน้ำมันร่วงจากยอดค้าปลีกจีนชะลอลง-นักลงทุนลังเล
ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายสัปดาห์ เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกอ่อนแอลง และนักลงทุนหยุดซื้อก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าปิดตลาดที่ 73.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 58 เซ็นต์ หรือ 0.8% หลังจากปิดตลาดเมื่อวัน ศุกร์ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐปิดตลาดที่ 70.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 58 เซ็นต์ และลดลง 0.8% หลังจากปิดตลาดในระดับสูงสุดนับ ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน
สัปดาห์ที่แล้ว ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าอุปทานจะตึงตัวขึ้นจากการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อผู้ผลิตน้ำมันดิบอย่างรัสเซียและอิหร่าน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงในสหรัฐและยุโรปอาจช่วยกระตุ้นอุปสงค์
“เราคิดว่าเหตุการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วตลาดได้รับรู้แล้ว และ สัปดาห์นี้จะมีปัจจัยใหม่น้อยลงที่สามารถหนุนราคาน้ำมันได้” จิม ริตเตอร์บุช จากบริษัทที่ปรึกษา Ritterbusch and Associates ในฟลอริดากล่าว
ยอดค้าปลีกของจีนชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้ปักกิ่งต้องเผชิญกับแรงกดดันให้เพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เปราะบาง และกำลังเผชิญกับภาษีการค้าของสหรัฐภายใต้ การบริหารของทรัมป์สมัยที่ 2 โดย ยอดค้าปลีกของจีนซึ่งเป็นมาตรวัดการบริโภคเติบโต ในอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือนที่ 3.0% ในเดือน พฤศจิกายน ซึ่งต่ำกว่าการเติบโต 4.8% ในเดือนตุลาคม มาก และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
บ็อบ ยอว์เกอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายพลังงานล่วงหน้าของ ธนาคาร Mizuho ในนิวยอร์กกล่าวว่า “เป็นสถานการณ์ที่เลว ร้ายมากซึ่งไม่มีความหวังมากนักที่อุปสงค์ของน้ำมันดิบจะ เติบโตขึ้น”
แนวโน้มของจีนมีส่วนทำให้กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันโอเปกพลัส( OPEC+) ตัดสินใจเลื่อนแผนการเพิ่มปริมาณการผลิต ออกไปจนถึงเดือนเมษายน
“ไม่ว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบใด ผู้บริโภคก็ไม่เชื่อ และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้จ่ายส่วน บุคคลอย่างสำคัญ เศรษฐกิจของจีนก็จะได้รับความเสียหาย” จอห์น อีแวนส์ จากบริษัทนายหน้าค้าน้ำมัน PVM กล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทำกำไรในขณะที่รอการตัดสิน ใจของธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์ตลาด โทนี ซิคามอร์ของบริษัทฟินเทค IG คาดว่าจะมีการขายทำกำไรเล็กน้อยหลังจากที่ราคาพุ่งขึ้น มากกว่า 6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เขาตั้งข้อสังเกตว่าธนาคารและกองทุนหลายแห่งน่าจะปิด บัญชีการซื้อขายแล้ว เนื่องจากความต้องการซื้อลดลงในช่วงเทศกาลวันหยุด
คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%ในการประชุม วันที่ 17-18 ธันวาคม ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่เฟดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีก เท่าใดในปี 2025 และอาจรวมถึงปี 2026
อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงสามารถกระตุ้นการเติบโตทาง เศรษฐกิจและเพิ่มความต้องการน้ำมันได้
ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากค่าเงินดอลลาร์ สหรัฐ ซึ่งทรงตัวใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อเทียบ กับสกุลเงินหลักอื่นๆ ก่อนที่จะมีการประชุมธนาคารกลางในสัปดาห์นี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันดิบมีแนวโน้มที่จะซื้อขายในลักษณะตรงกันข้าม
นักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐ ที่จะ ออกมาในสัปดาห์นี้เพื่อเป็นแนวทาง
ผลสำรวจเบื้องต้นของรอยเตอร์ส แสดงให้เห็นว่าคาดว่าสต็ อกน้ำมันดิบและน้ำมันกลั่นของสหรัฐจะลดลงในสัปดาห์ที่ แล้ว ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินน่าจะเพิ่มขึ้น โดยผลสำรวจดัง กล่าวจะเผยแพร่ก่อนสถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (American Petroleum Institute) ซึ่งจะรายงานในเวลา 16.30 น.วัน อังคาร ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐ และจากสำนักงาน สารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ ( Energy Information Administration) ในเวลา 10.30 น.วันพุธ
นักวิเคราะห์ 4 รายที่สำรวจโดยรอยเตอร์ส ประเมินว่าโดยเฉลี่ยแล้วปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลงประมาณ 1.9 ล้าน บาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 13 ธันวาคม