จับตา 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 68 ดันเม็ดเงินหมุนเวียน ‘แสนล้าน’  

จับตา 3 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 68  ดันเม็ดเงินหมุนเวียน ‘แสนล้าน’  

รัฐบาลเตรียม 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 2568 ดันเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาท ทั้งโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 โครงการ  Easy E-Receipt และโครงการเติมเงินเข้ากองทุนหมู่บ้านเพื่อเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจชุมชน

KEY

POINTS

  • รัฐบาลเตรียม 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต้นปี 2568
  • ดันเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจได้กว่า 1.2 แสนล้านบาท
  •  ทั้งโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 โครงการ Easy E-Receipt  และโครงการเติมเงินเข้ากองทุนหมู่บ้านเพื่อเพิ่มศักยภาพเศรษฐกิจชุมชน 

ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ปี 2568 ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจที่รออยู่หลายประการ รัฐบาลได้เตรียมมาตรการในการ กระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปี 2568 โดยภายใน 1 – 2 เดือนแรกพบว่ามีมาตรการทางเศรษฐกิจกว่า 3 มาตรการด้วยกันที่จะดันเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 1.2 แสนล้านบาท ทั้งนี้ประกอบไปด้วย 3 มาตรการดังนี้

1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการแจกเงิน 10,000 บาท หรือโครงการแจกเงินหมื่นเฟสที่ 2 ซึ่งได้มีการผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว โดยโครงการนี้จะแจกเงิน 10,000 บาทให้กับคนที่อายุ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผ่านแอพทางรัฐเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการนี้ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยจะแจกเงินก่อนวันที่ 29 ม.ค.2568 คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากโครงการนี้ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท และทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีนี้

2.โครงการ  Easy E-Receipt โครงการลดหย่อนภาษีสำหรับผู้เสียภาษี โดยซื้อสินค้าตามรายการและร้านค่าที่ร่วมรายการลดหย่อนภาษีสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย  โดยจะเริ่มต้นโครงการตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. – 28 ก.พ.2568 รวม 45 วัน โดยโครงการในปีนี้กระทรวงการคลังได้เพิ่มเงื่อนไขในการใช้จ่ายแบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1)การใช้จ่ายสินค้าทั่วไปและบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น ทัวร์ เช่ารถ โรงแรม และร้านอาหาร กำหนดวงเงินลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 30,000 บาท 

2)การใช้จ่ายร้านวิสาหกิจชุมชน SME และร้านค้า OTOP ลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 20,000 - 50,000 บาท 

ทั้งนี้กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าโครงการนี้จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และมีร้านค้าเข้าร่วมโครงการและเข้าระบบเพิ่มขึ้น 20% โดยคาดว่ารัฐบาลจะสูญเสียรายได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท  

และ 3.การจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนเมือง โดยในปี 2568 รัฐบาลมีแผนจะอัดฉีดเงินให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองเพิ่มเติม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ คณะอนุกรรมการดำเนินงานโครงการสนับสนุนเสริมสร้างศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคงที่มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน เห็นชอบเสนอ ครม.ขออนุมัติงบประมาณวงเงิน 11,900 ล้านบาท จาก พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยจะเสนอ เข้าสู่ที่ประชุม ครม.ภายในเดือน ก.พ.นี้

โดยทั้ง 3 โครงการนี้เป็นโครงการในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้ามามีบทบาทในกานขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 นี้