การปฏิรูปการศึกษาโดยภาคประชาชน | วิทยากร เชียงกูล
การปฏิรูปการศึกษาเพื่อทำให้ประชาชนทั้งประเทศให้ฉลาดขึ้น ทั้งในด้านปัญญา อารมณ์ และทางสังคม คือเรื่องสำคัญที่สุดในการพัฒนาพลเมืองและพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของประเทศ
ปัญญาชนหลายคนรวมทั้งผม ได้เสนอเรื่องปฏิรูปการศึกษาผ่านทางหนังสือ บทความ การบรรยาย ฯลฯ มาไม่ต่ำกว่า 40 ปี แต่มีการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปการจัดการศึกษาเฉพาะบางจุด ทั่วทั้งประเทศยังคงทำแบบเก่า เพราะชนชั้นผู้นำทั้งนักการเมือง และข้าราชการ ผู้บริหารกระทรวงศึกษา คือ กลุ่มคนที่เป็นตัวปัญหาเสียเอง
แต่ประชาชนก็คืออุปสรรคด้วยเช่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งได้รับการศึกษาน้อยและคุณภาพต่ำ ได้แต่คาดหวังให้ลูกหลานได้มีที่เรียน แบบเสียค่าใช้จ่ายต่ำ เพียงเพื่อจะได้วุฒิบัตรออกไปหางานทำ มากกว่าจะเข้าใจว่าที่ประเทศเราล้าหลังและมีปัญหาต่างๆ มากมายนี้
จำเป็นที่เราจะต้องปฏิรูปการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพ และให้บริการได้อย่างทั่วถึงเป็นธรรม พัฒนาให้ผู้เรียนมีความรู้-ทักษะที่ใช้งานได้คิดวิเคราะห์เป็น และเป็นพลเมืองที่รับผิดชอบ สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาทั้งตนเองและสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เป็นแค่แรงงานเฉพาะทางไปวันๆ
(การชุมนุมเรียกร้องปฏิรูปการศึกษาของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่านักเรียนเลว)
การจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผลจริง ต้องเผยแพร่แนวคิดเรื่องความสำคัญของการปฏิรูปการศึกษา ระดมพลังความคิดวิพากษ์วิจารณ์แบบเสรีประชาธิปไตยจากประชาชน (รวมทั้งนักเรียน นักศึกษา) เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงจากระดับล่างขึ้นระดับบน เพราะระดับบน คือนักการเมือง ข้าราชการชั้นสูง จะสนใจเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อพวกเขาถูกแรงผลักดันจากประชาชนมากพอเท่านั้น
การจะปฏิรูปการศึกษาให้ได้ผลต้อง
1. วิเคราะห์ให้เข้าใจสภาพปัญหาและรากเหง้าของปัญหา ว่าการจัดการศึกษาของเรามีทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำต่ำสูง คนจนออกกลางคันและหรือได้เรียนในสถาบันที่มีคุณภาพต่ำ และปัญหาคุณภาพโดยรวมทั้งประเทศต่ำ
เพราะสอนตามตำราเพื่อท่องจำไปสอบเอาคะแนนเอาวุฒิบัตร มากกว่าเพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ ในการคิดวิเคราะห์ที่ใช้งานในโลกจริงได้ดีกว่าแค่การจำได้
(ภาพถ่ายโดย Pixabay)
2. รณรงค์ให้พ่อแม่ผู้ปกครอง นักเรียนนักศึกษา ประชาชนทั่วไปสนใจปัญหาและเข้ามามีส่วนร่วมผลักดันการปฏิรูปการศึกษาอย่างแข็งขัน
พ่อแม่-ผู้ปกครองควรอ่านหนังสือหาความรู้ โดยเฉพาะการปฏิรูปวิธีการเลี้ยงดูอบรมลูกหลาน เด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ถึงวัย 5 ขวบเป็นช่วงที่สมองเติบโตเรียนรู้ได้รวดเร็วที่สุดและมากที่สุด ให้อาหารที่มีคุณค่าช่วยพัฒนาสมอง (และร่างกาย), กระตุ้นให้ลูกเรียนรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างหลากหลาย สร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เด็กรู้สึกมั่นคงปลอดภัยอบอุ่นและอารมณ์ดี จะช่วยให้เด็กพัฒนาสมองและเตรียมพร้อมในเรื่องการเรียนรู้ของเด็กเล็กได้มากที่สุด
สำหรับพ่อแม่ส่วนใหญ่ที่รายได้ต่ำ การศึกษาไม่สูง หรือต้องทำงานหนักมีเวลาดูแลลูกน้อย รัฐควรเข้ามาช่วยเหลือ เช่น ให้เงินอุดหนุนเด็กเล็กอย่างถ้วนหน้า จัดฝึกอบรมให้การศึกษาพ่อแม่ มีศูนย์ให้คำแนะนำและศูนย์ช่วยดูแลเด็กเล็กที่พ่อแม่ไม่อาจทำหน้าที่ได้ดีพอ ฯลฯ
พ่อแม่ควรสนใจ พูดคุย ตอบคำถามเด็กเล็ก เล่นร้องเพลง และอ่านนิทานให้เด็กเล็กฟัง ให้เด็กเล็กได้เล่น สัมผัสกับดนตรี ศิลปะ ธรรมชาติ สภาพแวดล้อม การฝึกการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ฯลฯ กิจกรรมเหล่านี้จะกระตุ้นการพัฒนาของเซลล์ในสมองและช่วยให้เด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียนรักการเรียนรู้และการอ่านได้อย่างสำคัญ
ทั้งพ่อแม่และครูต้องอ่าน หาความรู้เรื่อง “จิตวิทยาเด็ก” มากขึ้น สังเกตความแตกต่างของเด็กแต่ละคนและส่งเสริมพัฒนาให้เด็กซึ่งมีความฉลาด ความถนัดด้านต่างๆ ให้เก่งในด้านเหล่านั้นมากขึ้นได้ จะช่วยให้เด็กรู้จักตนเองและภูมิใจตนเอง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในการที่เขาจะเรียนรู้และพัฒนาต่อไปได้ดีขึ้น เด็กที่ถูกพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู ดุด่าว่ากล่าว ลงโทษมากหรือบ่อยจนขาดความภูมิใจมั่นใจในตัวเอง ยิ่งจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น
พ่อแม่ ผู้ปกครองควรเลี้ยงดูอบรมบ่มนิสัยเด็กในแนวทางเสรีประชาธิปไตยแทนการใช้อำนาจสั่งการ ส่งเสริมให้เด็กรู้จักตัวเอง มีความภูมิใจในตัวเอง มีความรับผิดชอบหรือวินัยด้วยตัวเองอย่างเข้าใจเหตุผล คือเข้าใจว่าวินัยเป็นประโยชน์สำหรับทั้งตัวเด็กเองและคนอื่นๆ ที่เขาต้องใช้ชีวิตในสังคมร่วมกัน
การฝึกวินัยในความหมายเก่าที่เน้นการใช้อำนาจ ใช้คำสั่ง กฎระเบียบข้อบังคับเป็นวิธีการที่ล้าหลัง ได้ผลน้อยและไม่ยั่งยืน เพราะเด็กที่กำลังเติบโตเรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเขาเอง มีธรรมชาติที่ชอบท้าทายคำสั่ง/กฎระเบียบของคนอื่นที่เขาไม่เห็นด้วย หรือไม่เข้าใจว่ามันจะมีประโยชน์ต่อตัวเขาอย่างไร
การจะสอนให้เด็กเป็นคนที่เคารพสิทธิตนเองและเคารพสิทธิผู้อื่น รักความเป็นธรรม ความถูกต้องดีงาม เป็นพลเมืองที่รับผิดชอบ ผู้ใหญ่ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างให้เด็กเข้าใจเหตุผลว่าการทำเช่นนี้เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเองต่อไปอย่างไร การเรียนรู้ภาคปฏิบัติจากการใช้ชีวิตจริงในบ้านและโรงเรียน จะได้ผลมากกว่าแค่การเรียนรู้แบบท่องจำเพื่อคำชมเชยหรือคะแนน
พ่อแม่ ผู้ปกครองที่ดีควรติดตามพัฒนาการของลูกหลาน ติดต่อสื่อสารสนับสนุนครูและโรงเรียน, เข้าเป็นสมาชิกหรือจัดตั้งสมาคมผู้ปกครอง จัดตั้งและพัฒนาการทำงานของกลุ่มสมาคมด้านพิทักษ์สนับสนุนสิทธิเด็กและเยาวชน สมัครเป็นคณะกรรมสถานศึกษาและเข้าร่วมกิจกรรมรณรงค์เพื่อการปฏิรูปการศึกษารูปแบบต่างๆ
เช่น การรณรงค์ให้กระทรวงศึกษาปฏิรูปหลักสูตรใหม่ที่สนใจความฉลาดทั้ง 8 ด้านเพิ่มขึ้น แทนที่จะเน้นแต่ภาษา ตรรกวิทยา คณิตศาสตร์ ควรมีวิชาเลือกเพื่อส่งเสริมความฉลาดด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องปฏิรูปหารฝึกอบรมครูให้เป็นคนฉลาด มีจิตสำนึกเป็นครู ตั้งใจสอน และรู้วิธีการสอนที่ดี มีประสิทธิภาพกว่าแค่การบรรยายให้ท่องจำด้วย
ถ้าผู้ปกครองช่วยให้เด็กฉลาด มั่นใจในตัวเองมากขึ้น พอที่จะไปตั้งคำถามกับครูในชั้นเรียน จะเป็นการผลักดันให้ครูต้องไปอ่านหนังสือ หาความรู้เพิ่มเติม เตรียมการสอนให้ดีขึ้น นี่คือการปฏิรูปจากล่างขึ้นบนที่จะได้ผลดีกว่าจากบนลงล่าง