อีเพย์เมนท์อินเดียบูม ดูด ‘ฮิตาชิ’ รุกฟินเทค
ในขณะที่ตลาดอีเพย์เมนท์ของอินเดียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
“ฮิตาชิ” บริษัทชื่อดังของญี่ปุ่นเตรียมตั้งบริษัทร่วมทุนฟินเทคหรือเทคโนโลยีทางการเงิน กับธนาคารรัฐแห่งอินเดีย (เอสบีไอ) เพื่อขยายฐานลูกค้าในตลาดใหญ่แห่งนี้
ภายในสิ้นเดือนนี้ ฮิตาชิจะถือหุ้น 26% ในบริษัทลูกของธนาคารรัฐบาลอินเดียรายนี้ ซึ่งให้บริการลูกค้ากว่า 400 ล้านคนและอ้างว่ามีสินทรัพย์มูลค่าราว 4.82 แสนล้านดอลลาร์
บริษัทเอสบีไอ เพย์เมนท์ เซอร์วิสเซส ในเครือธนาคารรายใหญ่ที่สุดของอินเดีย กำลังหาทางดึงดูดผู้ค้ารายใหม่สำหรับบริการเอทีเอ็มและระบบขายหน้าร้าน (พีโอเอส) ขณะที่ฮิตาชิตั้งเป้าที่จะให้บริการครบวงจรครอบคลุมทั้งการจัดการตู้เอทีเอ็มและระบบพีโอเอส และระบบการชำระเงินสำหรับธนาคารและบริษัทสินเชื่อ
กลุ่มบริษัทญี่ปุ่นรายนี้ดำเนินการตู้เอทีเอ็มราว 60,000 ตู้และระบบขายหน้าร้าน 800,000 จุดในอินเดียผ่านบริษัทลูกท้องถิ่นชื่อ “ฮิตาชิ เพย์เมนท์ เซอร์วิสเซส” ซึ่งรุกสู่ธุรกิจนี้เมื่อปี 2557 ผ่านการซื้อกิจการ
ในปีงบการเงินสิ้นสุดเดือนมี.ค. 2561 บริษัทดังกล่าวสร้างรายได้ราว 2.5 หมื่นล้านเยนจากธุรกิจตู้เอทีเอ็มและระบบพีโอเอส และฮิตาชิยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้นี้อีก 2 เท่าเป็น 5 หมื่นล้านเยนภายในปีงบการเงิน 2564
นอกจากนั้น ฮิตาชิมีแผนที่จะเปิดบริการอื่น ๆ ผ่านบริษัทร่วมทุนกับธนาคารเอสบีไอ เช่น ระบบวิเคราะห์แนวโน้มของลูกค้าโดยอาศัยปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) และข้อมูลอื่น ๆ ที่ช่วยให้ธนาคารและผู้ค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น
การทำธุรกรรมที่ระบบขายหน้าร้านมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าระหว่างปี 2561-2564 เนื่องจากรัฐบาลอินเดียกำลังเดินหน้าส่งเสริมการชำระเงินดิจิทัลในประเทศ
ขณะที่อีคอมเมิร์ซก็กำลังเติบโตอย่างคึกคักเช่นกัน สถาบันวิจัยอินเดียคาดการณ์ว่า จำนวนครั้งของการทำธุรกรรมอีคอมเมิร์ซจะเพิ่มขึ้นอีก 5 เท่าจากปี 2560 มาแตะที่ 1.25 หมื่นล้านครั้งภายในปี 2563 และมูลค่าการชำระเงินเหล่านี้จะสูงขึ้นราว 2 เท่า
“เพย์ทีเอ็ม” ผู้นำด้านบริการอีวอลเล็ท หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของอินเดีย เผยว่า บริษัทมียอดผู้ใช้งานราว 300 ล้านคน ทั้งนี้ บริษัทแม่ของเพย์ทีเอ็มได้รับเงินลงทุนจากบริษัทเบิร์กไชร์ แฮธะเวย์ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีนักลงทุนชาวอเมริกัน เมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา
ขณะที่อีเพย์เมนท์สำหรับค่าโดยสารรถไฟและรถบัส มีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลาดที่กำลังบูมแห่งนี้ยังดึงดูดบริษัทฟินเทคหลายรายจากสหรัฐและยุโรปให้เข้ามาทำธุรกิจ
ฮิตาชิกำลังหาทางพัฒนาธุรกิจบริการทางการเงินให้กลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่จะช่วยให้กลุ่มบริษัทบรรลุเป้าอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ 10% หรือมากกว่านั้นภายในปีงบการเงิน 2564 นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะนำประสบการณ์ที่ได้รับจากตลาดอินเดียไปใช้ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไทยและอินโดนีเซียด้วย