จับตา 8 มิถุนาฯ จะเป็น 14 ตุลาฯ
การเมืองนับจากวันนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ให้จับตา วันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่สมาชิกรัฐสภา 750 คน
โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยลงคะแนนวิธี “เปิดเผย” ซึ่งจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ว่ากันว่า วันที่ 5 มิถุนายน คือวันที่รู้แล้วว่าส.ส.คนไหนเป็น “งูเห่า” หรือไม่เป็น “งูเห่า”
การเมืองในสภาฯ เล่นตามกติกา ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่จะให้จับตาการเมืองนอกสภา 3 วันต่อจากวันที่ 5 มิถุนายน คือ 8 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่
ประเมินว่า คนจะมาจากทั่วประเทศ โดยเมื่อ 27 พฤษภาคม ธนาธร โพสต์เฟซเชิญชวนมา “เกี่ยวแขนที่แค้นคับทับถมใจ กุมมือเติมไฟให้ความหวัง Walk with me, Talk with me” งานครบรอบ 1 ขวบปี พรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่เวลา 11.00-18.00 น. ณ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
“แค้นคับที่ทับถม” ธนาธร น่าจะหมายถึง 7 คดีที่ตัวเขา และพรรคอนาคตใหม่เจอในห้วง 1 ปีหลังตั้งพรรค
หลังจากพ่ายแพ้ในสภาฯ คาดเดาบรรยากาศวันนั้น ไม่ยาก “คนหน้าเดิม” ทั้งที่เป็นส.ส.และไม่เป็นส.ส. จะมาร่วมปลุกกระแสทวงประชาธิปไตย เป็นเมนหลัก
การที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปพบ “บิ๊กตู่” ที่ทำเนียบรัฐบาล จึงไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร ประเมินว่า ในวันนั้น ถ้าเกิดสถานการณ์ขึ้นมา ผลที่ตามมาจะควบคุมยาก ดังนั้น ทางที่ดีต้องไม่ให้เกิดอะไรขึ้น
กรณี “จ่านิว” สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ คือการลองของ ชิมลาง ประเมินท่าทีฝ่ายรัฐ และในทันทีเช่นกันที่ทั้ง ธนาธร ทั้ง ปิยบุตร แสงกนกกุล พลันกระโจนออกมาแถวหน้า ชี้นิ้วไปที่คนของรัฐ ในทันที
“อย่ารอให้ถึงคิวลูกคุณถึงเห็นว่านี่คือความอยุติธรรม พอกันทีกับความป่าเถื่อนอำมหิตของระบอบรัฐประหาร”
8 มิถุนา ถ้าคุมไม่ดี ดีไม่ดีจะเป็น 14 ตุลาฯ ก็เป็นได้