นายกฯ กร่าง หรือ ฝ่ายค้านกร่าง

บอกตรงๆ เนื้อหาในญัตติที่ฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภา เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี 6 คน รวมนายกฯ ด้วยนั้น เป็นญัตติที่พรั่งพรูไปด้วยความแค้น

ผิดหวังกับการเขียนญัตติที่ยุคที่เชื่อว่าน่าจะมีการปฏิรูปการเมืองให้มีการยกระดับการเมืองสูงกว่าก่อนการรัฐประหาร แต่พอหลังเลือกตั้งมา เรากลับได้นักการเมืองที่ไม่พัฒนาตัวเองเข้าไปในสภา

ดูตัวอย่างจากนักการเมืองเก่าๆ หลายคน และผู้อาวุโสทางการเมือง ที่พกเอาความแค้นสุมอกไปใช้ตำแหน่งแห่งหนในสภาเพื่อล้างแค้นกัน

เราจึงได้เห็นพฤติกรรมของ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ทะเลาะกันในแต่ละวัน โดยไม่สนใจไยดีว่าประชาชนที่เลือกพวกคุณมา จะรู้สึกอย่างไร

โดยเฉพาะระบบส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขอให้ตัดออกเพราะว่า สส.บัญชีรายชื่อ ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เมื่อไม่ได้ไปหาเสียง ไม่ได้ผูกพันกับประชาชน พอได้เป็นส.ส.แล้วก็ไม่ได้มีไอเดียในการที่จะพัฒนาประเทศ

เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นหลัก

อย่างการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จริงอยู่ รัฐธรรมนูญ มาตรา151ให้สิทธิฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาล

แต่ข้อกล่าวหาที่ฝ่ายค้านระบุในญัตติ นอกจากจะใช้คำไม่สุภาพ ไม่สมกับเป็นผู้ทรงเกียรติแล้ว ประเด็นต่างๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่เกิดในยุคคสช. เมื่อ 5 ปีที่แล้ว

ตกลงว่า จะอภิปรายรัฐบาลประยุทธ์ 2 หรือจะอภิปรายรัฐบาลประยุทธ์1 หากจะอภิปรายรัฐบาลประยุทธ์1 ไม่น่าจะทำได้เพราะรัฐบาล คสช.ไม่มีแล้ว

นี่ทุกพรรคการเมืองผ่านการเลือกตั้งมาแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งของ ส.ส. และส.ว. ดังนั้นจึงเป็นรัฐบาลประยุทธ์ 2 ไม่ใช่รัฐบาลประยุทธ์ 1 ขณะเดียวกันหากจะอภิปรายรัฐบาลประยุทธ์ 2 มันก็ไม่ชัดเพราะข้อกล่าวหาต่างๆ เหล่านั้น ยังไม่ได้เกิดในรัฐบาลประยุทธ์ 2

อย่างการกล่าวหานายกฯ ว่า ปฏิบัติหน้าที่ใช้อำนาจ กร่างเถื่อน ถามว่า กร่างเถื่อนอย่างไร ตรงไหน ฝ่ายค้านต้องหาหลักฐานมายืนยัน

ยิ่งในอดีตหากมีการกล่าวหาว่า ทุจริตคอร์รัปชัน ร่ำรวยผิดปกตินั้น จะต้องส่งหลักฐานประกอบให้ป.ป.ช.ด้วยก่อนจะอภิปรายในสภา เพราะหากไม่มีหลักฐาน ไม่มีใบเสร็จ จะเป็นการกล่าวหากันลอยๆ รัฐธรรมนูญจึงห้ามไว้

เช่นนี้ฝ่ายค้านจะต้องหาหลักฐานมาประกอบว่า รัฐบาลประยุทธ์ 2 ที่บริหารประเทศมา 5 เดือนเศษ มีอะไรที่เป็นความผิดตามข้อกล่าวหาของฝ่ายค้าน ไม่ใช่นึกอยากจะเขียนอะไรลงไปก็เขียน

อีกประการ กรณี ดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ที่บอกว่าเอื้อบริษัทต่างชาติ นี่ฝ่ายค้านคงจะหมายถึงกรณีฟิลลิปมอริสกระมัง ถ้าเป็นฟิลลิปมอริส บอกได้เลยว่า เป็นรัฐบาลคสช. ไม่ใช่รัฐบาลประยุทธ์ 2 แน่นอน

หรือ กรณีอภิปราย พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯที่ว่า ร่ำรวยผิดปกติ ฝ่ายค้านก็ต้องหาหลักฐานมาว่า ระยะเวลา5เดือน ที่ พล.อ.ประวิตร มานั่งเป็นรองนายกฯ ได้ทำอะไรถึงเรียกว่าร่ำรวยผิดปกติ

ฝ่ายค้านต้องตอบให้ได้ ไม่ใช่ไปเอาข้อมูลเก่าเมื่อครั้งเป็น คสช. มาอภิปราย เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ รับรองว่าวุ่นวายแน่เพราะองครักษ์พิทักษ์รัฐบาลคงไม่ยอมให้อภิปราย เนื่องจากเป็นการอภิปรายรัฐบาลเก่าไม่ใช่รัฐบาลปัจจุบัน

เหมือนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย จะอภิปรายว่า นายกฯ ถวายสัตย์ฯไม่ครบ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้นายกฯได้ตอบไปแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยแล้วว่า ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นไม่มีองค์กรไหนมีอำนาจที่จะตีความได้

คือมันจบแล้ว แต่ฝ่ายค้านยังไม่จบ ทำเสมือนไม่เห็นองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญอยู่ในสายตา มันจะยุ่งกันใหญ่ จึงเป็นห่วงว่า ประธานสภาจะคุมเกมไม่ได้

สุดท้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นการใช้เวทีสภาด่ารัฐบาลเพื่อสนองตัณหาใครบางคน จึงไม่ใช่การทำหน้าที่ฝ่ายค้าน และจะประเดประดังออกมาเป็นความแค้นแทน