สงครามล้างโลก
ในช่วงนี้ โลกมีเหตุการณ์ใหญ่หลายอย่างจนสร้างความสับสนสูง การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทำให้ชาวโลกจำนวนมากล้มตาย
และเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนัก เหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มมหาอำนาจ นอกจากนั้นภายในประเทศมหาอำนาจเองก็มีเหตุการณ์ใหญ่หลายอย่างโดยเฉพาะในสหรัฐและจีน
เหตุการณ์ทั้งหลายได้รับการวิเคราะห์วิพากษ์มากมาย จากมุมมองต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีการวิเคราะห์ในกรอบใหญ่ซึ่งใช้หนังสือสำคัญ 3 เล่มเป็นฐาน ตามลำดับการพิมพ์ได้แก่เรื่อง The Rise and Fall of the Great Powers ของ Paul Kennedy เรื่อง The Clash of Civilizations and the Remaking of the World Order ของ Samuel Huntington และเรื่อง Are We Rome?: The Fall of An Empire and the Fate of America ของ Cullen Murphy (ทุกเล่มมีบทคัดย่อภาษาไทยอยู่ในเว็บไซต์ของมูลนิธินักอ่านบ้านนา www.bannareader.com) หนังสือเหล่านี้พิมพ์ออกมานานแล้ว แต่ข้อคิดจำนวนมากที่ได้จากเนื้อหายังไม่ล้าสมัย จึงอาจนำมาใช้เป็นฐานของการวิเคราะห์เหตุการณ์วันนี้ได้
เริ่มที่สหรัฐซึ่งเป็นอภิมหาอำนาจทางทหารและเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ชาวอเมริกันนำโด่งทั้งในด้านจำนวนผู้ป่วยและผู้ตายจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยสูง ภาวะเลวร้ายนี้กำลังถูกซ้ำเติมด้วยการประท้วงอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ การรังเกียจผิวซึ่งเป็นปัจจัยก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงทางสังคมและเศรษฐกิจเป็นต้นเหตุหลัก อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยสำคัญของการสร้างความเหลื่อมล้ำที่มักถูกมองข้ามในการประท้วงครั้งนี้ นั่นคือชนชั้นเศรษฐีเข้าควบคุมอำนาจทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดความฉ้อฉลต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยและนโยบายเศรษฐกิจตามระบบตลาดเสรี
ปัจจัยดังกล่าวนี้มิใช่ของใหม่ หากมีอยู่ในสังคมอเมริกันมานานมาก และหากไม่แก้ไขจะทำให้สหรัฐล่มสลายดังที่เกิดขึ้นกับมหาอำนาจในอดีต เช่น อาณาจักรโรมัน นี่คือประเด็นสำคัญของหนังสือเรื่อง Are We Rome? แต่ก่อนที่จะสหรัฐจะล่มสลายในแนวอาณาจักรโรมัน สหรัฐจะค่อยๆ สูญความเป็นมหาอำนาจเมื่อพลังทางเศรษฐกิจของสหรัฐไม่สามารถค้ำพลังทางทหารให้อยู่เหนือมหาอำนาจอื่นต่อไปได้ตามมุมมองของหนังสือเรื่อง The Rise and Fall of the Great Powers
สหรัฐต้องใช้พลังทางทหารมากเนื่องจากมีเป้าหมายจะเป็นใหญ่ในโลกแต่เพียงผู้เดียว เป้าหมายนี้มีผลให้เกิดความขัดแย้งกับขั้วอำนาจอื่นของโลก ซึ่งเป็นมุมมองใหญ่ในหนังสือเรื่อง The Clash of Civilizations and the Remaking of the World Order แต่ขั้วอำนาจต่างๆ มีได้ยอมสยบอย่างราบคาบเสมอไป แม้จะแสดงออกว่าเป็นมิตรในบางด้านเช่นการค้าขายก็ตาม ฉะนั้น การแข่งขันกันลึกๆ จึงเป็นไปอย่างเข้มข้นส่งผลให้สหรัฐต้องใช้ทรัพยากรไปในทางทหารเพิ่มขึ้นแบบหยุดไม่ได้ ทรัพยากรจึงไม่เหลือพอสำหรับใช้ในด้านสังคมและด้านปัจจัยพื้นฐานจำพวกถนนและสะพานซึ่งนับวันจะทรุดโทรมมากขึ้น
ยิ่งกว่านั้น ในด้านเศรษฐกิจสหรัฐค่อยๆ ขาดความสามารถในด้านการแข่งขัน ทำให้ต้องพึ่งพาสินค้าและทรัพยากรจากภายนอกมากขึ้น ส่งผลให้ต้องพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาแลก สหรัฐจึงเป็นหนี้ชาวโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จีนเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่และเป็นมหาอำนาจใหม่ซึ่งท้าทายสหรัฐโดยตรงมากขึ้น ในช่วงนี้ทั้งคู่ออกมาตอบโต้กันทั้งโดยทางตรงและทางนัย เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโทษจีนอย่างแรงเรื่องไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศว่าจะไม่พึ่งพาการค้าขายกับโลกภายนอกเป็นหัวจักรขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศจีนอีกต่อไป
อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อมหาอำนาจที่กำลังเสื่อมในเชิงเปรียบเทียบถูกท้าทายด้วยมหาอำนาจใหม่?
สงคราม คือ คำตอบหากมองจากมุมของหนังสือเรื่อง The Rise and Fall of the Great Powers ยกเว้นเมื่ออังกฤษเสื่อมเนื่องจากยินยอมให้สหรัฐเข้ามาเป็นมหาอำนาจโลกแทน ในอดีตเมื่อเกิดสงครามระหว่างมหาอำนาจในขณะนั้นกับมหาอำนาจเกิดใหม่ โลกไม่มีอาวุธมหาประลัยจำพวกนิวเคลียร์ ซึ่งสามารถเผาผลาญทุกอย่างบนผิวโลกได้ภายในเวลาอันสั้น
ในปัจจุบัน มองไม่เห็นว่าสหรัฐจะยินยอมให้จีน หรือประเทศอื่นเข้ามาเป็นมหาอำนาจแทนตน ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เลวร้ายกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคร้ายอื่นคงจะได้แก่ผู้นำจำพวกขาดสติปัญญา ซึ่งจะพากันทำสงครามล้างโลกด้วยความโง่เขลา