การมี‘ธรรมาภิบาล’สำคัญอย่างไร

การมี‘ธรรมาภิบาล’สำคัญอย่างไร

การกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือเรียกว่า ธรรมาภิบาล เป็นสิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการประกอบกิจการ โดยเฉพาะกิจการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ไม่ว่ากิจการนั้นจะเก่งขนาดไหน  ผลการดำเนินงานก่อเกิดกำไรมากมายเพียงใด หากในการดำเนินงานนั้นขาดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี  กิจการนั้น ๆ ก็ไม่อาจบรรลุเป้าหมายสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้  เช่นเดียวกับการดำเนินงานของภาครัฐ  หากขาดการมีธรรมาภิบาลที่ดีแล้ว การที่จะบรรลุความสัมฤทธิ์ผลในนโยบายด้านต่างๆ  ย่อมเป็นไปได้ยากเช่นกัน

                 การกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance: CG) หมายถึงอะไร พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ  การคิดดี พูดดี  ทำดี มีคุณธรรม มีความโปร่งใส เปิดเผย  ไม่ว่าทำเรื่องใดล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อกิจการ และต่อสังคมคนรอบข้างนั่นเอง  โดยหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับกิจการจดทะเบียน มีทั้งที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดีของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  ซึ่งเป็นการส่งเสริมกิจการให้ประสพความสำเร็จอย่างยั่งยืน เป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน  สำหรับภาครัฐก็มีหลักธรรมาภิบาลที่ดีที่บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ  ประกาศเป็นพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๔๕  พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๖  รวมถึงการนำไปปฏิบัติในแผนยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายของคณะรัฐมนตรีด้วย  

                   แม้ว่าจะมีแนวปฏิบัติ CG กำหนดไว้หลายแห่ง   ก็ยังคงมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการปฏิบัติที่ดูเหมือนไม่มี CG ให้เห็นอยู่เนือง ๆ   ในเรื่อง CG จะพบว่าแนวปฏิบัติเหล่านั้นจะคล้ายกันเพราะทุกภาคส่วนก็ล้วนแล้วแต่ยึดหลักแนวปฎิบัติเพื่อการกำกับดูแลที่ดีของ OECD ที่เน้นในเรื่องการมีกรอบการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อความมีประสิทธิผลของการดำเนินงาน  มีการปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน มีการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย  มีการเปิดเผย โปร่งใส และคณะกรรมการต้องมีความรับผิดชอบ  โดยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากจะปฏิบัติตามแนวปฎิบัติหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 5 หมวดของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้วยังมี CG Code ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ได้วางหลักปฏิบัติสำหรับคณะกรรมการอีก  8 ข้อหลัก เพื่อเน้นย้ำความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัทต่อการมี CG ที่ดีของกิจการ  เรามาดูกันว่าแนวปฏิบัติที่กล่าวมานั้นมีหัวข้ออะไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดท่านผู้อ่านจะหาอ่านเพิ่มเติมได้ในเวบไซต์ของ www.oecd.org หรือ www.setsustainability.com หรือ  www.sec.or.th หรือ  https://opdc.go.th

                  หลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีสําหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2555 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ

                    ประกอบด้วยหลักการและแนวปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการ แบ่งเป็น 5 หมวด ได้แก่                 

  1. สิทธิของผู้ถือหุ้น  ( Rights of shareholders)
  2. การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน (Equitable treatment of shareholders)
  3. บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย (Role of stakeholders)
  4. การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส  (Disclosure and transparency)
  5. ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ (Responsibilities of the Board)

                   เนื้อหาในแต่ละหมวดแบ่งเป็น 2 ส่วน

  1. ส่วนของหลักการ เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลกิจการ ที่บริษัทจดทะเบียนควรปฏิบัติ
  2. ส่วนของแนวปฏิบัติที่ดี เป็นการให้รายละเอียดหรือวิธีการดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อให้บริษัทจดทะเบียนสามารถปฏิบัติตามหลักการในส่วนแรกได้

                    หลักการกํากับดูแลกิจการที่ดีสําหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 โดยสำนักงาน ก.ล.ต.

                   ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่

                   ส่วนที่ 1 คือ หลักปฏิบัติและหลักปฏิบัติย่อย

                   ส่วนที่ 2 คือ แนวปฏิบัติและคำอธิบาย

                    CG Code นี้ได้วางหลักปฏิบัติสำหรับคณะกรรมการบริษัท   8  ข้อหลัก ดังนี้

                      1) ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการในฐานะผู้น าองค์กรที่สร้างคุณค่า ให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน (Establish Clear Leadership Role and Responsibilities of the Board)

                    2) กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของกิจการที่เป็นไปเพื่อความยั่งยืน(Define Objectives that Promote Sustainable Value Creation)

                     3) เสริมสร้างคณะกรรมการที่มีประสิทธิผล (Strengthen Board Effectiveness)

                      4) สรรหาและพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและการบริหารบุคลากร (Ensure Effective CEO and People Management)

                       5) ส่งเสริมนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (Nurture Innovation and Responsible Business)

                     6) ดูแลให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่เหมาะสม (Strengthen Effective Risk Management and Internal Control)

                     7) รักษาความน่าเชื่อถือทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูล (Ensure Disclosure and Financial Integrity)

                     8) สนับสนุนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น (Ensure Engagement and Communication with Shareholders)

                      พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546

                  ได้กำหนดขอบเขตของคำว่า การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และวางแนวทางในการปฏิบัติราชการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังต่อไปนี้ คือ

                            1) เกิดประโยชน์สุขของประชาชน

                            2) เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อภารกิจของรัฐ

                            3) มีประสิทธิภาพและเกิดความคุ้มค่าในเชิงภารกิจของรัฐ

                            4) ไม่มีขั้นตอนการปฏิบัติงานเกินความจำเป็น

                           5) มีการปรับปรุงภารกิจของส่วนราชการให้ทันต่อเหตุการณ์

                           6) ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและได้รับการตอบสนองความต้องการ และ

                           7) มีการประเมินผลการปฏิบัติงานอย่างสม่ำเสมอ

                            สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ศึกษาและจัดทำเกณฑ์สำหรับใช้ในการสำรวจและประเมินระดับธรรมาภิบาลของส่วนราชการ โดยกำหนดหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี  (GG Framework) ซึ่งประกอบด้วย 4 หลักการสำคัญ และ 10 หลักการย่อย ดังนี้

                           1) การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management) ประกอบด้วย หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) หลักประสิทธิผล (Effective) และหลักการตอบสนอง (Responsive)

                            2) ค่านิยมประชาธิปไตย (Democratic Value) ประกอบ ด้วยหลักภาระรับผิดชอบ/สามารถตรวจสอบ ได้ (Accountability) หลักความเปิดเผย/โปร่งใส (Transparency) หลักนิติธรรม (Rule of Law) และหลัก ความเสมอภาค (Equity)

                            3) ประชารัฐ (Participatory State) ประกอบด้วยหลักการกระจายอำนาจ (Decentralization) และ หลักการมีส่วนร่วม/การมุ่งเน้นฉันทามติ (Participation/Consensus Oriented)

                          4) ความรับผิดชอบทางการบริหาร (Administrative Responsibility) ประกอบด้วยหลักคุณธรรม/ จริยธรรม (Morality/Ethics)

                  จากหลักการข้างต้น ภาครัฐได้นำไปบรรจุในนโยบายการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบในภาครัฐ โดยกำหนดไว้ว่า จะมีการจัดระบบอัตราบุคคลากรภาครัฐและค่าตอบแทนให้เหมาะสมเป็นธรรม ยึดหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี มีการกระจายอำนาจให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณะได้รวดเร็ว วางมาตรการทางกฎหมาย มิให้เจ้าหน้าที่หลีกเลี่ยง ประวิงเวลา หรือใช้อำนาจโดยมิชอบก่อให้เกิดการทุจริต  เสริมสร้างระบบคุณธรรม มีการนำระบบพิทักษ์คุณธรรมมาใช้ในการบริหารงานบุคคลของ เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ และจัดให้มีกฎหมายที่ครอบคลุมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และการมี ผลประโยชน์ทับซ้อนในภาครัฐทุกระดับ โดยถือว่าเรื่องนี้เป็นวาระสำคัญเร่งด่วนแห่งชาติ และเป็นเรื่องที่ต้องแทรกอยู่ในการปฏิรูปทุกด้าน ซึ่งหากภาครัฐปฏิบัติเข้มงวดได้ตามนโยบายที่ได้ประกาศไว้  บ้านเมืองเราก็จะเป็นบ้านเมืองที่ได้ชื่อว่ามีธรรมาภิบาลที่ดี

*ผู้เขียน พรรณี  วรวุฒิจงสถิต กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล