เมื่อ Apple เข้าสู่ 3 NM Process
หลังจากที่หลายคน อาจจะได้ผิดหวังกับการที่ Apple ไม่ได้เปิดตัว Apple M1X ในงาน WWDC 2021
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เริ่มมีข่าวลือใหม่ ของการที่ Apple จะ Upgrade ลงสู่ 3 NM Process ในครึ่งหลังของปี 2022 ในขณะที่ 4NM Process ก็กำลังจะเริ่มขึ้น ไม่กี่เดือนข้างหน้า
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ขนาดของ Process เหล่านี้ หมายถึงอะไร ทำไมถึงได้มีการอ้างอิงถึงอยู่ตลอดเวลา และทำไม เล็กกว่า ถึงได้ดีกว่า และ Apple ได้กลายมาเป็นผู้นำในเรื่องนี้ได้อย่างไร ท่ามกลางการแข่งขันกับผู้ผลิต Chip รายอื่นๆ
สำหรับเทคโนโลยีของ Chip ในปัจจุบัน Apple M1 อยู่ที่ 5NM, AMD Zen 3 อยู่ที่ 7NM, Nvidia GeForce 30 Series อยู่ที่ 8NM ในขณะที่ Intel ยังคงอยู่ระหว่าง 10NM กับ 14NM สืบเนื่องจากปัญหาทางเทคโนโลยีของIntelที่ทำให้ไม่สามารถ Upgrade ลงจาก 14NM มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
ขนาดของ Process ถูกวัดเป็น NM หรือนาโนเมตร ซึ่ง Chip ที่ Process เล็กกว่า หมายถึงความเร็วที่สูงกว่า การใช้พลังงานที่น้อยกว่า และ การสร้างความร้อนที่ต่ำกว่า จึงเป็นความพยายามของผู้ผลิต Chip ที่จะลดขนาดของ Process นับจากยุคแรกของอุตสาหกรรม Chip
เพราะ Process ที่เล็กกว่า หมายถึงทุกอย่างที่มีขนาดเล็กลง และการที่สามารถบรรจุจำนวนของ Transistors ได้มากขึ้น ในพื้นที่ที่เท่ากัน
ในกรณีของ 3 NM ของ Apple ก็มีการคาดคะเนว่า จะมีความเร็วที่สูงขึ้น 15%และจะลดการใช้พลังงานลง 30% เมื่อเปรียบเทียบกับ 5NM ในรุ่น Apple M1
ย้อนกลับไปเกือบครึ่งศตวรรษก่อนหน้า Chip 8086 ของ Intel จากปี 1976 ซึ่งเป็น CPU ของ IBM PC เครื่องแรก จะอยู่ที่ 3,000 NM Process
อย่างไรก็ตาม การ Upgrade ไปสู่ Process ที่เล็กลงย่อมมีความเสี่ยง เช่นกรณีของ Intel ที่ไม่สามารถ Upgrade ลงจาก 14NM ได้มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
และก็ยังมีการอ้างด้วยว่า ขนาดของ Process ของแต่ละราย ไม่สามารถเปรียบเทียบระหว่างกันได้ 100% อาทิเช่น 10 NM ของโรงงานหนึ่ง อาจมีความหนาแน่นของ Transistors เท่ากับ 14 NM ของอีกโรงงานหนึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า อุตสาหกรรมของ Chip กลับเต็มไปด้วยการเมือง เพราะโรงงานผลิต Chip ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง มีเพียงไม่กี่รายในโลก เช่น TSMC ของไต้หวัน และ Samsung ของเกาหลี
แม้แต่ Apple, AMD, Nvidia และ Intel ก็ยังคงต้องต่อรองเพื่อให้โรงงานเหล่านี้ ใช้เทคโนโลยีสูงสุดในการผลิต Chip ให้กับตน
จึงมีข่าวลืออยู่บ่อยครั้งที่ว่า เพราะโรงงานหนึ่ง ได้ Dedicate เทคโนโลยีระกับสูงให้กับลูกค้ารายหนึ่งแล้ว จึงไม่หลงเหลือ Capacity ให้กับลูกค้ารายอื่น
อุตสาหกรรม Chip จึงเป็นเรื่องของการเมือง นอกเหนือจากการแข่งขันกันด้วยเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี Biden ก็ได้ประกาศว่า จะตั้งกองทุน 50,000 ล้านUSD เพื่อที่จะย้ายการผลิต Chip กลับสู่ US และลดปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรม ซึ่งรวมไปถึงการที่ Chip ขาดแคลน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่ ผู้ออกแบบ Chip ในปัจจุบันเช่น Apple, AMD, Nvidia และยกเว้นIntelต่างก็เป็น Fabless กล่าวคือ ไม่ได้เป็นผู้ผลิต Chip เอง และได้ Outsource การผลิต Chip ไปยังโรงงาน เช่น TSMC และ Samsung
ความได้เปรียบของ Apple ในปัจจุบัน ภายหลังจากการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ Apple Silicon ก็คือการรวมยอด Order ของ Chip ของทั้ง iPhones, iPads, iMacs, Macbooks ฯลฯ จึงกลายเป็นอำนาจต่อรองอย่างยิ่งใหญ่กับโรงงานที่ผลิต Chip
เรื่องราวของ Chip กำลังเข้มข้นขึ้นและน่าติดตามเป็นอย่างมาก เพราะเราอาจจะกำลังผ่านพ้นยุคที่ Intel ได้เคยเป็นใหญ่มาหลายทศวรรษ และ Chip ก็กำลังจะกลายมาเป็นหนึ่งในเกมส์การเมืองระหว่างประเทศอีกด้วย