ไสว บุญมา : มอง "แพนโดรา" ออกมาเปิดโปง
ในนิทานปรัมปรากรีกโบราณ แพนโดราเป็นหญิงคนแรกมีทั้งความงามและอยากรู้อยากเห็นสูง ซึ่งสูงจูงใจให้นางเปิดภาชนะใหญ่ใบหนึ่ง ซึ่งผนึกความชั่วร้ายหลากหลายไว้ภายใน ส่งผลให้ความชั่วร้ายเหล่านั้นออกมารังควานโลกมนุษย์ตั้งแต่นั้นมา
สัปดาห์นี้มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นตามนามของแพนโดราชื่อว่า “เอกสารแพนโดรา” (Pandora Papers) เมื่อสมาคมนักข่าวสืบสวนสอบสวนสากลนำเอกสารลับจำนวน 11.9 ล้านชิ้นมาเปิดเผยหลังสมาชิกกว่า 600 คนของตนจาก 117 ประเทศช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ อยู่ 2 ปี
เอกสารดังกล่าวมิได้มีความชั่วร้ายภายในตัวเอง หากชี้ให้เห็นว่าน่าจะมีความชั่วร้ายในระดับสูงเกิดขึ้นจากกิจกรรมลับของผู้มีสินทรัพย์ในระดับเศรษฐีทั่วโลกจำนวน 365 คน เศรษฐีเหล่านี้มีหลากหลายภูมิหลังรวมทั้งดารา นักกีฬา อาชญากร นักการเมือง นักธุรกิจ นายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีและกษัตริย์
กิจกรรมลับต่าง ๆ มีทั้งการทำธุรกรรมทางการเงินและการถือครองเงินสดจำนวนมหาศาลและอสังหาริมทรัพย์ราคาสูงโดยตัวแทนและบริษัทลมที่มีเพียงชื่อจำนวน 956 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่จดทะเบียนไว้ตามเกาะในย่านทะเลแคริบเบียน
เป้าหมายของกิจกรรมเหล่านี้อาจมีทั้งความพยายามหลีกเลี่ยงภาษีและการฟอกเงินซึ่งได้มาจากธุรกิจผิดกฎหมายรวมทั้งการค้ายาเสพติด จำนวนเงินที่ซุกซ่อนเพื่อเลี่ยงภาษีอาจมีอยู่ถึง 32 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 6 เท่าของมูลค่าของผลผลิต (จีดีพี) ที่คนไทยทำได้ใน 1 ปี
ในบรรดาผู้ที่ถูกชี้ว่ามีส่วนร่วมหลายร้อยคนนั้นจะมีคนไทยรวมอยู่ด้วยหรือไม่ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ หากมีรวมอยู่ด้วยก็ไม่น่าแปลกใจเนื่องจากเมืองไทยมีเศรษฐีจำนวนมากและบางคนมีประวัติในการใช้บัญชีลับในแนวดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ย้อนไปหลายสิบปี เรื่องราวที่โด่งดังที่สุดเกิดขึ้นเมื่อครั้งกรมตำรวจไทยเต็มไปด้วยผู้ยิ่งใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า “อัศวิน”
ซึ่งเล่าลือกันว่าร่ำรวยด้วยการค้าฝิ่นและกิจการสีเทา พวกเขามักซ่อนเงินไว้ในบัญชีที่เปิดไว้กับธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รายงานของสื่อบางแห่งบ่งว่าอธิบดีกรมตำรวจหนุ่มในยุคนั้นเป็นมหาเศรษฐีที่มีทรัพย์ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก จะจริงเท็จอย่างไรไม่เป็นที่ประจักษ์เนื่องจากธุรกรรมทำกันแบบลับ ๆ ทั้งสิ้น
หลังรัฐประหารปี 2500 อธิบดีกรมตำรวจคนนั้นออกจากเมืองไทยไปลี้ภัยในสวิตเซอร์แลนด์ จึงยืนยันการสันนิษฐานที่ว่าเขาไปลี้ภัยเพื่อใช้ทรัพย์สินกองมหาศาลของเขา แต่เขาอยู่ได้ไม่นานก็ถึงแก่กรรมเมื่ออายุเพียง 51 ปี มาถึงยุคนี้ มีข่าวเป็นระยะ ๆ ว่าทั้งบุคคลและกิจการขนาดใหญ่ของไทยเปิดบัญชีและตั้งบริษัทลมจำนวนมากไว้ในแหล่งที่เอื้อให้เลี่ยงภาษีได้ง่ายจำพวกเกาะต่าง ๆ ที่อ้างถึง
เหตุการณ์ดังกล่าวกำลังนำไปสู่การวิเคราะห์และวิพากษ์จากหลากแง่มุม เนื่องจากในช่วงนี้มีการปลดพระสมณศักดิ์สูงออกจากตำแหน่ง 3 รูปพร้อมกัน จึงขอตั้งข้อสั่งเกตสั้น ๆ จากด้านกรรมตามหลักพุทธศาสนาซึ่งมีทั้งกรรมตามธรรม หรือความจริงตามธรรมชาติและกรรมตามพระวินัย หรือการจัดตั้งอันเป็นสมมติของมนุษย์เพื่อการอยู่ร่วมกันแบบสันติสุข หากทุกอย่างเดินไปตามหลักพุทธศาสนา คงอนุมานได้ว่าพระ ๓ รูปนั้นกระทำความผิดจึงได้รับนิคหกรรมตามพระวินัยอันเป็นสมมติ ส่วนกรรมตามหลักธรรมนั้นท่านและผู้อื่นจะได้รับอย่างไรบ้างยังไม่เป็นที่ปรากฏ
สำหรับบุคคลที่ทำธุรกกรรมจำพวกผิดกฎหมายซึ่งเป็นสมมติดังที่ถูกนำมาเปิดโปงตาม “เอกสารแพนโดรา” นั้นจะทำให้ตัวเองและผู้อื่นรับกรรมตามธรรมและโทษตามกฎหมายอย่างไรยังไม่เป็นที่ประจักษ์
ประวัติศาสตร์บ่งว่า ผู้ทำกิจกรรมละเมิดกฎหมายจำพวกนี้ส่วนน้อยเท่านั้นที่ถูกลงโทษตามกฎหมายรวมทั้งเมื่อครั้งเมืองไทยยังมีชนชั้นอัศวิน ความจริงข้อนี้เป็นหนึ่งในอุปสรรคหลักของโลกปัจจุบันและมีความสำคัญเป็นพิเศษในประเทศกำลังพัฒนา กล่าวคือ ถ้ากฎหมายไม่ศักสิทธิ์เพราะมักปล่อยให้คนส่วนหนึ่งทำผิดได้ตามอำเภอใจ กรรมหนักย่อมตกแก่สังคมส่งผลให้การพัฒนาทำได้ช้ายิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา