ไทยเซฟตี้โซน ท่ามกลางวิกฤตรัสเซียบุกยูเครน | สุพันธุ์ มงคลสุธี

ไทยเซฟตี้โซน ท่ามกลางวิกฤตรัสเซียบุกยูเครน | สุพันธุ์ มงคลสุธี

สวัสดีคุณผู้อ่านคอลัมน์ Think Forward ทุกท่านครับ ก่อนอื่นผมขอส่งความปรารถนาดีให้กับทุกท่านฟันฝ่าวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปให้ได้

ล่าสุดโลกกำลังเกิดวิกฤตจากการที่ประเทศมหาอำนาจรัสเซียเข้าโจมตีประเทศยูเครน จนสร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินแก่ชาวยูเครน ขณะเดียวกันผลจากการสู้รบยังกระทบต่อตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก และยังส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จนราคาขายปลีกในไทยเพิ่มขึ้นเช่นกัน

การที่รัสเซียบุกยูเครนนั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นประเด็นต้องเกิด ไม่ช้าก็เร็ว และจะเป็นรูปแบบรบไปเจรจาไป ซึ่งในรายละเอียดของความขัดแย้งนี้ผมไม่ขอแสดงความเห็นมากนัก 

แต่สิ่งที่ผมอยากให้คนไทยมองประเด็นที่สำคัญกว่า คือ ในวิกฤตย่อมมีโอกาส จะทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยจากวิกฤตการณ์นี้ แน่นอนการสู้รบกระทบต่อการส่งออก การค้า การลงทุนของไทยกับ 2 ประเทศอยู่บ้าง แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นโอกาสสำคัญในการกระตุ้นการลงทุนไทยครั้งใหญ่เช่นกัน และจะเกิดผลดีในภาพใหญ่และระยะยาวหลายปี

นั่นเพราะการสู้รบใน 2 ประเทศ นอกจากจะเกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนภายในประเทศตัวเอง ยังเกิดผลกระทบในประเทศใกล้เคียงด้วย นักลงทุนของประเทศนั้นๆ ตลอดจนนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุน ย่อมมีความคิดหรือการตัดสินใจที่อยากออกไปลงทุนในประเทศอื่นที่ปลอดภัยกว่า ประเทศที่ไม่มีสงคราม โครงสร้างพื้นฐานรองรับ ไม่มีปัญหาการเมืองระดับโลก เปิดรับนักลงทุน 

ประเทศไทยถือเป็น เซฟตี้โซน (Safety Zone) ของนักลงทุนครับ ผมเชื่อมั่นแบบนั้น เพราะไทยไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้ (NATO) หรือ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ไม่มีสัมพันธ์พิเศษกับรัสเซีย มูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันทั้งรัสเซีย และยูเครน ไม่มาก 

ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้งคงไม่มีผลกระทบทางตรงกับไทย หากรัสเซียถูกสหรัฐอเมริกาแซงชั่น (Sanction) ก็ไม่มีผลกระทบต่อไทยเช่นกัน แต่ที่อาจกระทบอยู่บ้างคือการท่องเที่ยว เพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียชอบไทย มาเที่ยวไทยเยอะ แต่ปัจจุบันด้วยการสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวจึงลดลง

ดังนั้น สิ่งที่ไทยควรทำคือการใช้โอกาส ใช้จังหวะนี้ให้เป็นประโยชน์กับประเทศ อย่างด้านการลงทุน ผมเชื่อว่าหลังจากนี้รัสเซียจะถูกหลายประเทศแซงชั่นต่อเนื่อง ขณะที่ไทยเป็นประเทศเซฟตี้โซน เพราะไทยมีสาธารณูปโภคพร้อม ไม่มีปัญหาการเมืองระดับโลกกับใคร จึงเป็นโอกาสดึงการลงทุน หากฐานการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆย้ายเข้ามาลงทุนในไทย จะเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่แค่ 3 เดือน 6 เดือน 

นอกจากนี้ ผมอยากให้ภาครัฐเดินหน้าสร้างความพร้อมพื้นที่ลงทุนในประเทศให้เดินหน้า ให้เกิดความเชื่อมั่น อาทิ การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) เร่งโครงสร้างพื้นที่ฐานสำคัญอย่างรถไฟความเร็วสูง ท่าเรือ สนามบิน เหล่านี้เป็นปัจจัยส่งเสริมการลงทุนในอีอีซี และอยากให้รัฐบาลมีแผนการประชาสัมพันธ์ที่น่าสนใจ ดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ไทยวางนโยบายไว้ 

ไทยเซฟตี้โซน ท่ามกลางวิกฤตรัสเซียบุกยูเครน | สุพันธุ์ มงคลสุธี

ส่วนวิกฤตด้านพลังงานผมเชื่อว่าจะเกิดขึ้นไม่นาน รัสเซียอยากแสดงอำนาจจากการที่ยูเครนจะเข้านาโต้ สงครามไม่น่าจะยืดเยื้อ น่าจะมีการเจรจาโดยเร็ว เชื่อว่าจะจบลงได้ในเร็วๆนี้ และไม่น่าจะรุนแรงไปยังประเทศใกล้เคียงเช่นกัน

อีกโอกาสของไทย คือ ด้านการท่องเที่ยว อาจใช้จังหวะนี้กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวไทย ดึงนักท่องเที่ยวรัสเซียมาไทยมากขึ้น เพราะอาจมีนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งไม่อยากอยู่ในประเทศตัวเองช่วงที่มีวิกฤต อยากออกมาเที่ยว ไทยเองควรเปิดประเทศให้เร็ว ถ้าเปิดช้าคือความเสียหาย ปัจจุบันไทยปรับขั้นตอนของเทสต์แอนด์โก วันที่ 5 ไม่ต้องอาร์ที-พีซีอาร์ เหลือแค่เอทีเค ทำให้นักท่องเที่ยวมามากขึ้น  

นอกจากนี้อยากให้รัฐบาลพิจารณาแนวทางการเปิดประเทศด้วยการยกเลิกเทสต์ แอนด์ โก ไปเลย ปัจจุบันหลายประเทศประกาศเลิกระบบนี้ กันเกือบหมดแล้ว หากไทยควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้ ก็ควรเลิก ไม่ควรเริ่มก่อนแต่เลิกประเทศสุดท้าย เพราะจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส โดยเฉพาะโอกาสจากวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นนี้ครับ

สุดท้ายนี้หากท่านผู้อ่านหรือนักธุรกิจท่านใดอยากทราบข้อมูลด้านอุตสาหกรรมเพิ่มเติม สามารถแอดไลน์ของสภาอุตสาหกรรมฯ ได้ที่ @ftithailand หรือทักเข้ามาได้ที่ เฟซบุ๊กของผมตามลิงก์นี้ครับ www.facebook.com/ftichairman