'สยามพิวรรธน์' มุ่งสู่ Net Positive Impact ตั้งเป้าใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในปี 2030
"สยามพิวรรธน์" เดินหน้าสู่ Net Positive Impact ตั้งเป้าศูนย์การค้าแรกในไทย ที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ในปี 2030 พร้อมนำร่องยกระดับย่านปทุมวัน สู่แนวคิดการสร้างสรรค์เมืองให้เป็นย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ
กลุ่มสยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีก เจ้าของและผู้บริหาร สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ เดินหน้าตอกย้ำผู้นำการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลกสู่ความยั่งยืน ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ในการเชื่อมธุรกิจไปสู่ผู้คน สังคม และสิ่งแวดล้อม นำร่องเร่งเครื่องการดำเนินธุรกิจด้วย พลังงานสะอาด การบริหารจัดการขยะแบบ 360 องศา และร่วมพัฒนาย่านปทุมวันสู่ต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ เดินหน้าสู่การเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกแห่งแรกในประเทศไทยที่ร่วมมือกับแบรนด์ดังและองค์กรชั้นนำระดับโลก ผนึกกำลังด้านความยั่งยืนเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติร่วมกัน อันเป็นการดำเนินธุรกิจตาม Global Standard ซึ่งเป็นมาตรฐานในระดับสากล
นางสาวนราทิพย์ รัตตประดิษฐ์ ประธานบริหารสายงานปฏิบัติการ (Chief Operating Officer) บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า สยามพิวรรธน์ ใช้แนวคิดและมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนจนได้รับการยอมรับจากแบรนด์ชั้นนำของโลกมาอย่างยาวนาน ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับคนจำนวนมาก และเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย สยามพิวรรธน์จึงใช้ธุรกิจเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสและพัฒนาศักยภาพของคน ส่งเสริมให้ผู้คนที่มีส่วนร่วมกับสยามพิวรรธน์ได้เติบโตและประสบความสำเร็จไปพร้อมๆ กับเรา คำนึงถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในทุกๆ พื้นที่ที่ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจ ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า การนำกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ในปีนี้ สยามพิวรรธน์ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะใช้ศักยภาพและเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนเมืองต้นแบบมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางที่ใส่ใจฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมใจกลางเมือง ผลักดันเรื่อง พลังงานหมุนเวียน บริหารจัดการขยะแบบ 360 องศา และเตรียมพร้อมประกาศลงนามความร่วมมือเรื่องความยั่งยืนกับแบรนด์ระดับโลกในต้นปี 2024 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050"
รศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต ที่ปรึกษาด้าน sustainability ผู้ดูแลรับผิดชอบคนสำคัญที่เป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของสยามพิวรรธน์มาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี โดยร่วมพัฒนาโครงการเกี่ยวกับความยั่งยืนต่างๆ (Eco-projects) ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นของสยามพิวรรธน์ว่า สยามพิวรรธน์ คือองค์กรที่เป็นผู้บุกเบิกใส่ใจและให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมาอย่างยาวนาน ในฐานะที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อมของสยามพิวรรธน์มาตลอดระยะเวลามากกว่า 10 ปี มั่นใจว่าสยามพิวรรธน์เป็นภาคเอกชนที่มีแนวปฏิบัติเรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมที่ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง เป็นรูปธรรม และมีมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
สำหรับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมที่ "สยามพิวรรธน์" ได้ร่วมมือกับ รศ.ดร.สิงห์ อาทิ "eco-projects" ทำศูนย์การค้าเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านความยั่งยืน "เขียวสยาม" หนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และปัญหาที่เกิดขึ้นในระดับสากล รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ตลอดจนข้อมูลเทรนด์ต่างๆ ในด้าน ECO รวมถึงแนวทางการจัดการด้านสิ่งแวดล้มของสยามพิวรรธน์ ยกระดับการสร้าง Eco Community โดยร่วมสร้างแบรนด์ "ECOTOPIA" ให้เกิดขึ้น ณ Siam Discovery โดยเริ่มมาจาก "ชฎาทิพ จูตระกูล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ต้องการขับเคลื่อนชุมชนและผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์รักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกระดับ จนเกิดเป็น ECOTOPIA ที่รวบรวมไลฟ์สไตล์แบบอีโค่แห่งแรกและใหญ่สุดในเอเชีย
จากพลังงานสะอาดและการจัดบริหารจัดการขยะสู่เป้าหมาย Net Zero
ที่ผ่านมา "สยามพิวรรธน์" ได้บรรจุการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมให้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มต้นจากการอนุรักษ์พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงาน และการใช้ระบบ AI ในการควบคุมการทำงานของระบบควบคุมสภาพแวดล้อมภายในอาคาร เป็นต้น ตลอดจนขยายผลไปสู่การใช้ พลังงานสะอาด โดยการนำนวัตกรรมโซลาร์รูฟท็อปมาติดตั้งที่ ไอคอนสยาม สามารถผลิตไฟฟ้าได้มากกว่า 1 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ/ปี ช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ 550 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ต่อปี และผสานความร่วมมือกลุ่มบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ร่วมกันพัฒนาและติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop) บนพื้นที่สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กว่า 20,000 ตารางเมตร ให้เป็นแหล่งผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้กว่าปีละ 4,800,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 4,300 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายองค์กรในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ให้กับโลกของเราโดยร่วมมือกับพันธมิตรติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ศูนย์การค้า
ขณะนี้ สยามพิวรรธน์กำลังศึกษาร่วมกับองค์กรชั้นนำทางด้านพลังสะอาดของประเทศไทยอีกหลายแห่ง อาทิ บริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมุ่งเพื่อให้ทุกศูนย์การค้าภายในกลุ่มสยามพิวรรธน์ใช้พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy (RE) โดยร่วมมือกับองค์กรชั้นนำ ในการจัดหาพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากการผลิตที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ในพื้นที่ศูนย์การค้าต่างๆ โดยมีเป้าหมายใช้พลังงานหมุนเวียน 30% ของปริมาณการใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ที่สยามพิวรรธน์บริหารจัดการเอง ภายในปี 2026 และ 100% ภายในปี 2030
นอกจากนี้ยังมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาขยะต่างๆ ในประเทศไทยอย่างยั่งยืนโดยการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านโครงการ Siam Piwat 360° Waste Journey to Zero Waste ส่งเสริมการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยจุดบริการรับขยะ (Recycle Collection Center ; RCC) ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตร นำขยะที่ทำความสะอาด และคัดแยกแล้วส่งต่อเข้ากระบวนการรีไซเคิล (Recycle) เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ หรือนำมาเข้าสู่กระบวนการอัพไซเคิล (Upcycle) เพื่อเพิ่มมูลค่า โดยส่วนหนึ่งยังกลับมาวางจำหน่ายบนพื้นที่สำหรับสินค้ารักษ์โลก "อีโค่โทเปีย" (ECOTOPIA) โดยมีเป้าหมายลดปริมาณการฝังกลบของขยะจากการดำเนินงาน 50% ภายในปี 2030
"สยามพิวรรธน์" ยังตระหนักถึงปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste) ที่เพิ่มมากขึ้น จึงร่วมสนับสนุน Synnex ในโครงการ ทิ้งให้ถูกที่กับ Trusted By Synnex E-Waste โดยจะเปิดจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ Electronic Waste (E-waste) ณ. บริเวณ NextTech สยามพารากอน
เปิดยุทธศาสตร์การพัฒนาย่านปทุมวันต้นแบบอัจฉริยะ
ไม่เพียงแต่การพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลกสู่ความยั่งยืน "สยามพิวรรธน์" ยังได้พัฒนาธุรกิจที่เอื้ออำนวยให้ทุกส่วนในระบบนิเวศทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงชุมชนย่านปทุมวัน พื้นที่ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งมีโครงการต่างๆ ของสยามพิวรรธน์ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยนับจากนี้ สยามพิวรรธน์พร้อมเป็นองค์กรนำร่องยกระดับย่านปทุมวันสู่แนวคิดการสร้างสรรค์เมืองให้เป็นย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ โดยได้ร่วมมือกับ รศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล ผู้อำนวยการศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านยุทธศาสตร์เมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (UddC-CEUS) ในการขับเคลื่อนย่านปทุมวันสู่ย่านต้นแบบนิเวศอัจฉริยะ
รศ.ดร.นิรมล เสรีสกุล กล่าวว่า ปทุมวันเป็นศูนย์กลาง Shopping Destination สำหรับชาวไทย ชาวต่างประเทศ ทุกเพศ ทุกวัย โดยมี ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตีมอลล์ ทั้งแนวดิ่งและแนวราบให้เลือกเดินตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน และพื้นที่แห่งนี้ยังมีสถานศึกษา สถาบันกวดวิชา สำนักงาน อาคารมิกซ์ยูส และอื่นๆ อีกมากมาย การที่สยามพิวรรธน์เป็นหัวหอกในการนำร่องยกระดับย่านปทุมวันสู่ย่านต้นแบบอัจฉริยะภายใต้แนวคิด SMART ECO-DISTRICT จะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน พร้อมรักษาบทบาทการเป็นผู้นำย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไป
ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์ มีพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนเพื่อให้บรรลุ "เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทย" และเพื่อโลกที่ดีขึ้นของทุกคน