เอไอเอส ฉายภาพสู่ Sustainable Nation ชูพลังกรีน เน็ตเวิร์กช่วยเคลื่อนประเทศ
“โลกเดือด" คือสัญญาณเตือนของ "สภาวะโลกร้อน" ที่กำลังเข้าสู่วิกฤติ สาเหตุหลักเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณที่เกินกว่าโลกจะรับไหว ถึงเวลาแล้วที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วม "เอไอเอส" จึงขอเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนสู่ Sustainable Nation
สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ทิศทางของเอไอเอสยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด ECOSYSTEM ECONOMY หรือ เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน จากภารกิจทั้ง 3 ส่วน คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลอัจฉริยะ การเชื่อมต่อธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม และการดำเนินงานอย่างยั่งยืนพร้อมกับการพัฒนาความสามารถของบุคลากร เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ อันจะนำไปเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนหรือ Sustainable Nation เพื่อประเทศไทยของเรา
AIS มีความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมว่าพลังของดิจิทัลและพลังของทุกคน จะสามารถสร้าง Green Network ที่แข็งแกร่งและแข็งแรง สำหรับแนวทางการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่ยืนหยัดด้านสิ่งแวดล้อมของ AIS ถูกวางไว้ใน 2 แกนหลัก คือ 1) ลดผลกระทบผ่านการบริหารจัดการกระบวนการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่อุปทานอย่างมีประสิทธิภาพ และ 2) ลดและรีไซเคิลของเสียจากการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมให้คนไทยร่วมกำจัด ขยะอิเล็กทรอนิกส์ อย่างถูกวิธี
Go Green ควบคู่กับ Go Digital
วสิษฐ์ วัฒนศัพท์ หัวหน้าหน่วยธุรกิจงานปฏิบัติการและสนับสนุนด้านเทคนิคทั่วประเทศ AIS เล่าว่า การจะ Go Green ได้นั้น ต้อง Go Digital ควบคู่กันไปด้วย ทำให้เราเดินหน้า Moving to The Cloud เพื่อยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ภายในสถานีฐานให้ยาวนานยิ่งขึ้น รวมถึงมีความตั้งใจในการพัฒนา Autonomous Network ที่ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในสถานีฐานเพื่อบริหารจัดการพลังงานให้เหมาะสมกับปริมาณการใช้งานของลูกค้า ได้แบบ More Bits, Less Watts เพื่อให้ลูกค้ายังคงได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ตรงใจ พร้อมกับการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"วันนี้เราได้ปรับอุปกรณ์สถานีฐาน และเริ่มนำพลังงานทางเลือกจากธรรมชาติมาใช้ควบคู่กับพลังงานหลัก และได้เริ่มทดลอง ทดสอบ นวัตกรรม โซลูชัน มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ Traffic ของระบบเครือข่ายทั้งหมด"
เสนอตัวเป็น HUB of E-Waste
สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และธุรกิจสัมพันธ์ AIS อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างชัดเจนว่า เมื่อเราเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น ก็จะส่งผลให้ปริมาณอุปกรณ์ดีไวซ์เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย สอดคล้องกับข้อมูลสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ หรือ ITU ที่พบว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกทิ้งหรือเผาทำลาย มีมูลค่าถึง 57,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่มีแค่ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น ที่มีการจัดเก็บอย่างถูกวิธีและนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ AIS ลุกขึ้นมาพูดและให้ความสำคัญกับปัญหา E-Waste เป็นรายแรกในอุตสาหกรรมตั้งแต่ปี 2562
"เราอยากสร้าง HEALTHY ECOSYSTEM ในการทำงานด้าน E-Waste โดยที่ผ่านมาเราเริ่มต้นจากภายในองค์กรด้วยการชวนพนักงานให้มีส่วนร่วมกับการนำขยะอิเล็กทรอนิกส์มาทิ้งอย่างถูกวิธี นำมาสู่การเชิญชวนเพื่อนบ้านองค์กรใกล้เคียงจนกลายเป็น กลุ่มกรีนพหลโยธิน ที่มาเข้าร่วมโครงการคนไทยไร้ E-Waste หลังจากนั้นเราก็ขยายความร่วมมือไปยังภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ที่วันนี้มีกว่า 190 องค์กร เข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังเป็น Green Partnership ที่ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาด้าน E-Waste"
วันนี้ AIS พร้อมเป็นแกนกลางด้านการจัดการ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ HUB of E-Waste ที่มีความครอบคลุมทั้งในด้านการสร้างองค์ความรู้ ด้านเครือข่ายที่มาช่วยกันแลกเปลี่ยนไอเดียใหม่ๆ ด้านจุดรับทิ้ง ด้านการขนส่ง หรือแม้แต่ด้านรีไซเคิล ตามเป้าหมาย Zero E-Waste to Landfill โดยเราอยากเชิญชวนให้ทุกองค์กรส่งต่อความตระหนักรู้ในด้านนี้ไปยังพนักงาน ลูกค้า หรือแม้แต่ Stakeholder ทุกกลุ่ม เพื่อต่อยอดการทำงานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนในระดับประเทศต่อไป